มาทดลองสร้างสิ่งที่คุณปราถนาในใจให้เป็นจริงกันเถอะ

เคยสงสัยไหมว่าจักรวาลแอบฟังความปรารถนาอันลึกซึ้งที่สุดของเราอยู่หรือเปล่า? แล้วศาสตร์อย่างกลศาสตร์ควอนตัมจะมีคำตอบให้เราไหม?

งั้นเรามาศึกษาความเชื่อมโยงอันน่าทึ่งนี้กันเถอะ ด้านหนึ่ง เรามีแนวคิดเรื่องการ “ดึงดูด” หรือการทำให้ความคิดของเราปรากฏเป็นจริงขึ้นมา เป็นความเชื่อที่ว่าจักรวาลสามารถช่วยเราบรรลุเป้าหมายได้หากเรามุ่งความคิดของเราไปที่สิ่งนั้น แม้จะฟังดูเพ้อฝันไปหน่อย แต่ตรงนี้แหละที่น่าสนใจ

กลศาสตร์ควอนตัม (Quantum Mechanics) เป็นสาขาวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาอนุภาคขนาดเล็กที่สุดในจักรวาลของเรา

ที่นี่เราอาจพบคำอธิบายเชิงวิทยาศาสตร์ของหลักการ “ทำให้สิ่งที่คิดเป็นเรื่องจริง” (Manifestation) อยู่ก็ได้ หนึ่งในหลักการสำคัญของฟิสิกส์ควอนตัมเรียกว่า “Observer Effect”

ที่กล่าวว่าแค่การสังเกตหรือเฝ้ามองปรากฏการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็สามารถทำให้ผลลัพธ์ของปรากฏการณ์นั้นเปลี่ยนไปได้ แล้วนี่จะหมายความว่า การมีสมาธิแน่วแน่ของเรานั้นมีพลังที่จะเปลี่ยนความเป็นจริงรอบตัวเราได้หรือเปล่า?

ถ้าฟังดูเกินจริงไปหน่อย ขอให้เตรียมตัวไว้ให้ดี เพราะเราจะเจาะลึกเรื่องจริงของคนๆ หนึ่งที่ใช้หลักการดึงดูดเพื่อเปลี่ยนความจริงของเขา

ขอแนะนำ จอห์น คนธรรมดาๆ ที่มีความฝันอันไม่ธรรมดา จอห์นเคยเป็นพวกขี้สงสัย เชื่อมั่นในสิ่งจับต้องได้ สิ่งที่พิสูจน์ได้ เขาเป็นพวกที่ต้องเห็นก่อนถึงจะเชื่อ แต่จอห์นเขามีฝัน ฝันที่ยิ่งใหญ่ เขาฝันถึงความสำเร็จ อยากบรรลุเป้าหมายในชีวิต อยากใช้ชีวิตอย่างที่เขาใฝ่ฝันมาตลอด

แต่หนทางที่จะไปให้ถึงฝันดูลำบากแสนเข็ญ เหมือนจุดหมายปลายทางจะอยู่ไกลโพ้นสุดเอื้อมเหลือเกิน

วันนึง จอห์นบังเอิญได้ยินเรื่องการ “ทำให้สิ่งที่คิดเป็นเรื่องจริง” (Manifestation) หรือการฝึกจิตให้มีความแน่วแน่ มุ่งไปที่เป้าหมาย แม้จะเป็นคนขี้สงสัย จอห์นก็ตัดสินใจว่าจะลองดูสักตั้ง

เขามีเป้าหมายในใจ เป็นเป้าหมายที่เจาะจง เขาเริ่มโดยมุ่งสมาธิไปที่เป้าหมาย พยายามสร้างภาพอนาคตที่ตัวเองประสบความสำเร็จขึ้นภายในใจ เห็นภาพนั้นชัดเจนราวกับว่าได้เกิดขึ้นแล้ว

เอาล่ะ อีกนิดนึง ทีนี้เรามาเบรกกันก่อน คุณอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ อันนี้เกี่ยวอะไรกับกลศาสตร์ควอนตัม

บอกเลยว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยครับ หนึ่งในหลักการของกลศาสตร์ควอนตัมเรียกว่า “หลักการความไม่แน่นอน” (Uncertainty principle) ซึ่งแปลความได้ว่า เราไม่สามารถรู้ตำแหน่งที่ชัดเจนและโมเมนตัมของอนุภาคใดๆในเวลาเดียวกัน

เหมือนกับสภาวะช่วงแรกๆ ของจิตใจจอห์น ที่ยังคงไม่แน่ใจในอนาคตของตัวเอง และไม่รู้ว่าจะไปให้ถึงจุดหมายได้อย่างไร

แต่พอเขาเริ่มมีสมาธิ ใช้การสร้างภาพ เขาเริ่มลดความไม่แน่นอนในใจของเขาได้ คล้ายกับการที่เราสามารถบอกที่อยู่ของอนุภาคในโลกควอนตัมได้นั่นเอง

ขอนอกเรื่องนิดนึง แต่ลองมาพูดถึงเรื่อง “การพัวพันเชิงควอนตัม” (Quantum Entanglement) กันดูบ้างดีกว่า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหลักการของกลศาสตร์ควอนตัม นี่เป็นปรากฏการณ์ที่อนุภาคจะเชื่อมโยงกัน

กล่าวคือไม่ว่าจะอยู่ห่างกันแค่ไหน สภาวะของอนุภาคตัวหนึ่งสามารถส่งผลต่ออนุภาคอีกตัวได้ในทันที คล้ายๆ กับที่ความคิดของจอห์นกลายเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมาย ทำให้ทุกการกระทำและทุกการตัดสินใจของเขามุ่งตรงไปสู่การบรรลุเป้าหมายนั้น

ไม่ใช่แค่ฝันเฟื่องไปวันๆ เป้าหมายของเขาชัดเจน เป็นจริงอยู่ในปัจจุบัน แล้วสุดท้าย จอห์นก็ทำสำเร็จ เขาได้ทำสิ่งที่ไม่ธรรมดาตามที่ฝันไว้

การเดินทางของจอห์นจากที่เคยเป็นคนขี้สงสัยกลับกลายมาเชื่อเรื่องนี้ การเปลี่ยนฝันเป็นจริงได้เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เพราะเขาทำงานหนัก แต่ยังเป็นเพราะเขาตั้งใจจริงและเชื่อในหลักการดึงดูดด้วย เรื่องราวของจอห์นไม่ได้เกิดขึ้นกับเขาแค่คนเดียวนะ มันอาจมีวิทยาศาสตร์อธิบายไว้มากกว่าที่คุณคิด

เอ๊ะ แล้วกลศาสตร์ควอนตัมเกี่ยวข้องอะไรกับการดึงดูดล่ะ? มีหลักการสองสามข้อที่น่าสนใจที่จะช่วยให้เราเข้าใจความลึกลับนี้มากกว่าเดิม

ประการแรกก็คือหลักการ “Observer Effect” ที่บอกว่าแค่การสังเกตหรือเฝ้ามองก็สามารถทำให้ผลลัพธ์ของปรากฏการณ์เปลี่ยนไปได้ เหมือนเวลาที่เราจ้องหม้อน้ำเดือด รอให้มันเดือดอยู่ รู้สึกเหมือนมันจะใช้เวลานานขึ้นยังไงยังงั้นใช่มั้ยครับ?

แต่นี่ไม่ใช่แค่ความรู้สึกนะ ในโลกควอนตัมนี่คือเรื่องจริง แค่การสังเกตของเราสามารถเปลี่ยนความเป็นจริงรอบตัวเราได้

ประการที่สองแล้วก็มาพูดถึงเรื่อง “การพัวพันเชิงควอนตัม” ซึ่งเป็นอีกแนวคิดที่ซับซ้อนมาก กล่าวคือ อนุภาคสองอนุภาคสามารถเชื่อมโยงกันได้ไม่ว่าจะอยู่ห่างกันแค่ไหน

อาจฟังดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ แต่จริงๆ แล้วนักวิทยาศาสตร์พิสูจน์มาแล้วในหลายๆ การทดลอง แนวคิดนี้อาจช่วยอธิบายความเชื่อมโยงของทุกสิ่งในจักรวาล รวมถึงแนวคิดเรื่องการดึงดูด

เป็นการบอกใบ้ว่าความคิดและจุดมุ่งหมายในใจของเราสามารถมีอิทธิพลต่อโลกภายนอกได้ แม้ว่าศาสตร์ทางวิทยาศาสตร์จะเข้าใจยาก หลักการดึงดูดเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้และทำตามได้ง่ายๆอย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว

สรุปกันอีกที ตอนนี้คุณพอจะเข้าใจเรื่องวิทยาศาสตร์กันบ้างแล้วใช่มั้ยครับ งั้นพร้อมหรือยัง ที่จะมาใช้ประโยชน์จากพลังของการดึงดูด?

มาสรุปเนื้อหาที่เราคุยกันมาเร็วๆนะครับ เราได้ค้นพบปริศนาของกลศาสตร์ควอนตัม ได้เรียนรู้การเดินทางอันน่าทึ่งของจอห์น ที่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป และเจาะลึกพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของหลักการดึงดูด ทีนี้ ได้เวลาเปลี่ยนทฤษฎีไปสู่การปฏิบัติแล้วค่ะ นี่คือเทคนิคที่คุณสามารถลองนำไปใช้ได้

  • เทคนิคการสร้างภาพสิ่งที่ต้องการในใจให้ชัดเจน (Visualization): สร้างภาพเป้าหมายของคุณขึ้นมาในหัว ให้ชัดเจนที่สุด เหมือนกับว่าเป็นความจริงขึ้นมาแล้ว
  • การพูดย้ำกับตัวเองเชิงบวก (Affirmations): ใช้ประโยคยืนยันเชิงบวก พูดกับตัวเองบ่อยๆว่าเราได้อะไร เป็นอะไร พูดในกาลปัจจุบันเหมือนกับสิ่งนั้นได้บรรลุแล้ว ช่วยหนุนให้เราไปสู่เป้าหมายของเราได้เร็วยิ่งขึ้น
  • คงไว้ซึ่งความคิดเชิงบวก: ความคิดของคุณมีส่วนกำหนดความจริงของคุณ ความคิดเชิงบวกถือว่าเป็นตัวเร่งปฏิกิริยามากๆ เลยค

เทคนิคเหล่านี้ไม่ใช่เวทมนตร์นะครับ แต่เป็นเครื่องมือช่วยปรับความคิด ทำให้เราเข้าใกล้สิ่งที่เราต้องการมากยิ่งขึ้น

ลองนำไปใช้ดูลองปรับเปลี่ยนดู ดูว่าวิธีไหนจะใช้ได้ผลดีที่สุดกับตัวคุณเอง ที่สำคัญก็คือ จักรวาลอาจกำลังเงี่ยหูฟังสิ่งที่คุณต้องการอยู่ และกลศาสตร์ควอนตัมอาจจะมีคำตอบให้กับสิ่งที่คุณปรารถนาลึกๆ ในใจก็เป็นได้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *