พลังของการสร้างภาพในใจ (Visualization) เพื่อบรรลุในสิ่งที่คุณต้องการ

บทนี้ผมจะตอบคำถามหนึ่งที่มีคนถามกันทั่วไปแต่ไม่ค่อยได้คำตอบที่เป็นรูปธรรมซักเท่าไหร่นัก เป็นเรื่องเกี่ยวกับพลังของการจินตนาการที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายของคุณได้อย่างไร

สำหรับผม ผมเชื่อว่าการจินตนาการคือพลังพิเศษที่เราทุกคนมี รู้ไหมว่าสมองของเราเองก็คือพลังพิเศษตามธรรมชาติไปแล้ว ทุกสิ่งมีชีวิตก็มีพลังพิเศษประจำตัวนั่นแหละ บางตัวบินได้ บางตัวว่ายน้ำได้ บางตัวปีนป่ายได้ดีมาก บางตัวก็วิ่งเร็วมาก บางตัวก็แข็งแรงมาก

แต่มนุษย์เรานี่ก็จริงๆแล้วไม่ได้มีพลังพิเศษเหล่านั้นตามธรรมชาติเหมือนสัตว์ที่กล่าวมาแล้ว

  • ด้วยพลังของจินตนาการของเราทำให้เราก็บินได้
  • ด้วยพลังจินตนาการทำให้เราดำน้ำลึกได้
  • ด้วยพลังจินตนาการทำให้เราวิ่งเร็วมากๆได้

เราไม่ได้ทำได้ตรงๆเหมือนสัตว์ แต่เพราะเรามีการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ สร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆที่ทำให้เราทำได้แบบนั้น เช่นสร้างเครื่องบิน เรือดำน้ำ รถยนต์ เป็นต้น

และสิ่งเดียวกันนี้ก็นำมาใช้กับเป้าหมายในชีวิตของเราได้เหมือนกัน โดยการสร้างภาพในความคิดถึงสิ่งที่ต้องการจะเป็น จะได้ หรือจะทำ ขึ้นมาในใจให้ชัดเจนก่อน

กระบวนการนี้เรีกยว่า Visualization

ผมอยากพูดกับส่วนหนึ่งในความคิดของคุณที่เชื่อว่ามันเป็นไปได้ และพลังที่ผมพูดถึงนั้นคือพลังของการจินตนาการนั่นเอง

ถ้าคุณคิดถึงนักกีฬา ศิลปิน นักธุระกิจ หรือผู้ที่ประสบความสำเร็จในหลากหลายสาขาต่างๆ คุณอาจจะคิดว่าเขาทำสำเร็จเพราะผ่าการเรียนรู้และฝึกฝนมาอย่างหนัก ซึ่งก็จริงอยู่ว่าการฝึกฝนมีส่วนสำคัญมาก แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาจะมีร่วมด้วยเสมอ คือเครื่องมือตัวนี้ ที่เรียกว่าพลังของจินตนาการ

และคุณควรจะเริ่มพัฒนาจินตนาการดังกล่าว เพราะผู้ที่ประสบความสำเร็จสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นแชมป์โอลิมปิก หรือผู้ประกอบการนวัตกรรม นักธุรกิจ พวกเขาล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์นี้ทั้งสิ้น

พวกเขามองเห็นสิ่งหนึ่งในใจอย่างชัดเจน แล้วนำมันมาทำให้เป็นรูปเป็นร่างได้ และพวกเขาใช้พลังแห่ง ‘จินตนาการ’ และ ‘ความรู้สึกถึงความสำเร็จของตัวเอง’ อย่างแน่วแน่ ก่อนที่สิ่งนั้นจะเป็นจริงในที่สุด

ผมจะขอยกตัวอย่างในชีวิตจริง เรื่องหนึ่งคือ โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ (Roger Bannister) ในปี 1954 เขาเป็นคนแรกที่สามารถวิ่งระยะทาง 1 ไมล์ ได้ภายในเวลา 4 นาทีเป็นคนแรก

คืองี้…ตลอดประวัติศาสตร์มนุษยชาติตั้งแต่มีกีฬาวิ่งแข่งไม่ว่าทั้งระยะทางใกล้หรือไกล เป็นพันๆปี ยังไม่มีใครวิ่งระยะทาง 1 ไมล์ได้ภายใน 4 นาทีมาก่อน และก็เป็นความคิดที่เชื่อกันมาตลอดว่าไม่มีทางที่คนเราจะวิ่งระยะทาง 1 ไมล์ในเวลา 4 นาทีได้

แต่เขาทำได้ยังไง ถ้าคุณดูรายการสารคดี อ่านหรือดูประวัติของเขาในยูทูป เขามักจะบอกเสมอว่าเขาทำได้เพราะเขาจินตนาการตัวเองข้ามเส้นชัยภายในเวลา 4 นาที มาก่อนแล้ว คือเขาไม่ได้ซ้อมแค่ร่างกายอย่างเดียวแต่เขายังซ้อมสมองด้วย

เขาทำการทดลองด้วยความคิดของเขาก่อน เขาจินตนาการตัวเองข้ามเส้นชัยขณะที่มองไปยังนาฬิกาที่บอกเวลา 3 นาที 59 วินาที ครั้งแล้วครั้งเล่าจนเขาเชื่อจริงๆว่าเขาทำได้ หลังจากนั้นเขาก็ทำมันได้จริงในปี 1954 ด้วยเวลา 3:59:4 นาที

หลังจากที่ โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ สามารถได้แล้วในปีเดียวกันและปีต่อๆมาก็มีคนเริ่มทำได้ จนมาถึงทุกวันนี้การวิ่งระยะทาง 1 ไมล์ภายในเวลา 4 นาทีกลายเป็นเรื่องปรกติของนักกีฑามืออาชีพไปแล้ว

ใจความสำคัญคือ คุณต้องเห็นมันในหัวก่อน จากนั้นมันจึงจะปรากฏเป็นความเป็นจริงออกมาให้เห็น กล่าวคือมันไม่ใช่ว่าคุณจะเชื่อเมื่อคุณเห็น แต่เป็นกลับกันคุณจะเห็นเมื่อคุณเริ่มเชื่อในหัวใจก่อน

นั่นแหละคือพลังแห่งการจินตนาการ

ขอยกมาอีกตัวอย่างหนึ่ง มีการศึกษาในปี 1990 ที่มหาวิทยาลัยชิคาโก พวกเขาเอากลุ่มคนธรรมดา 3 กลุ่มที่ไม่ใช่นักกีฬามาทดสอบที่สนามบาสเก็ตบอล โดยแบ่งกลุ่มกลุ่ม A B และ C แข่งยิงลูกบาสเก็ตบอลฟรีโทรว์ (Free Throw) คือให้ยืนตรงจุดยิ่งแล้วจดสกอร์ว่ากลุ่มไหนยิงได้เข้าตะกร้ากี่ลูก

ก่อนที่จะมีการแข่งจริงๆ มีการบอกแต่ละกลุ่มดังนี้

  • กลุ่ม A ให้ไปฝึกซ้อมยิงฟรีโทรว์ 1 ชั่วโมงต่อวันเป็นเวลา 30 วันติดต่อกัน
  • กลุ่ม B ให้อยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย ห้ามแตะลูกบาสเลย
  • ส่วนกลุ่ม C ให้ฝึกฝนแค่ในใจ จินตนาการการยิงฟรีโทรว์ให้ประสบความสำเร็จเป็นเวลา 1 ชั่วโมงต่อวัน แต่ห้ามแตะลูกบาสหรือซ้อมยิ่งจริงๆ

หลังจาก 30 วัน พวกเขานำทั้ง 3 กลุ่มกลับมาแข่งยิงฟรีโทรว์อีกครั้ง ได้ผลตามนี้

  • กลุ่ม A ที่ฝึกฝนจริงๆ พวกเขาพัฒนาขึ้น 24% ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะการฝึกซ้อมย่อมทำให้เกิดความก้าวหน้า
  • กลุ่ม B ที่ไม่ได้แตะลูกบาส ไม่ได้ซ้อมฝนเลย พวกเขาก็ไม่พัฒนาเลย
  • กลุ่ม C ต่างหากที่ทำให้พวกผู้ทดสอบประหลาดใจมาก เพราะแค่จินตนาการการฝึกฝนเท่านั้น กลุ่มซีก็พัฒนาขึ้นถึง 23% เพียงแค่ด้อยกว่ากลุ่มที่ฝึกฝนจริงๆ เพียงแค่ 1% เท่านั้นเอง

นั่นแหละคือพลังของการจินตนาการ

การจินตนาการไม่ใช่สิ่งเหนือธรรมชาติ แต่เป็นวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสมอง เมื่อคุณจินตนาการอย่างชัดเจนว่ากำลังทำอะไรสักอย่าง สมองของคุณก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเหมือนกับตอนที่คุณกำลังทำอย่างนั้นอยู่จริงๆ

มันน่าประหลาดและเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากที่แค่การจินตนาการเราก็สามารถสร้างเส้นทางประสาทในสมอง ทำให้สมองและร่างกายของเราง่ายต่อการลอกเลียนแบบความสำเร็จนั้นในโลกแห่งความเป็นจริง แต่ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงเพราะมีการทดสอบในลักษณะเดียวกันนี้ในสถานการณ์ต่างๆมาเป็นพันๆครั้งแล้ว

อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญไม่ได้อยู่แค่การมองเห็นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความรู้สึกด้วย อารมณ์ความสุข ความภาคภูมิใจ ความพึงพอใจ ต่างหากที่เป็นพลังขับเคลื่อนให้จินตนาการของเราติดทนในสมอง ความคิด และส่งผลให้มันเป็นความจริงได้

แล้วเราจะทำอย่างไรในการพัฒนาจินตนาการให้เป็นพลัง เรามาเริ่มกันเลยนะ ผมอยากให้คุณ

  1. หาที่นั่งหรือนอนให้สบาย แล้วปิดตานิ่งๆ หายใจเข้าลึกๆ
  2. แล้วหายใจออกช้าๆ หายใจตามปกติ แล้วหายใจเข้าลึกๆ อีกสองสามครั้ง
  3. ปล่อยให้ตัวเองผ่อนคลายไปกับลมหายใจ ยิ่งได้ยินเสียงรอบข้าง ร่างกายของคุณก็ยิ่งผ่อนคลายมากขึ้น
  4. ตอนนี้ผมอยากให้คุณจินตนาการถึงเป้าหมายที่คุณปรารถนาอย่างแรงกล้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเงิน สุขภาพ ความสัมพันธ์ สิ่งที่อยากได้อยากมี ให้คุณมองเห็นตัวเองประสบความสำเร็จกับเป้าหมายนั้นแล้ว คุณกำลังทำอะไรอยู่ มีใครอยู่ด้วยบ้าง คุณรู้สึกอย่างไร และคุณกำลังเฉลิมฉลองความสำเร็จอย่างไร
  5. แล้วผมอยากให้คุณเพิ่มความรุนแรงของอารมณ์ความรู้สึกนั้นให้มากขึ้น จนท่วมท้นไปทั่วร่างกาย รู้สึกถึงความสุข ความภาคภูมิใจ และความตื่นเต้นเร้าใจ นี่คือทางสู่อนาคตของคุณ นี่คือศักยภาพของคุณ
  6. พักสักครู่หนึ่งเพื่อให้คุณได้ทบทวนถึงความรู้สึกเหล่านี้ เพิ่มพลังอารมณ์ให้แรงกล้ายิ่งขึ้น แล้วเมื่อคุณพร้อมแล้ว ค่อยๆ กลับมาสู่ปัจจุบันขณะนี้ แต่ยังคงนำความรู้สึกเด่นชัด และพลังบันดาลใจจากภาพนั้นมาด้วย

แล้วทำขั้นตอนทั้งหมดนี้บ่อยๆ ทำทุกวัน แล้วตัวคุณจะทึ่งกับผลลัพธ์ที่ได้ สิ่งที่คุณจินตนาการไว้จะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างในโลกความเป็นจริง ผ่านความเหมาะเจาะของเหตุการณ์ ความร่วมมือหรือความช่วยเหลือของบุคคล ความบังเอิญ บางคนอาจจะบอกว่าดวงบ้างโชคดีบ้าง หรือผ่านออกมาเป็นผลงานจากฝีมือของคุณเองตรงๆเลยแบบที่ตัวคุณก็อาจไม่เคยคิดว่าทำได้มาก่อน

จงจำไว้เสมอว่า ทุกความฝันที่เป็นจริงนั้น ต้องเริ่มต้นจากจินตนาการของใครสักคน เริ่มต้นในใจของพวกเขา และด้วยการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและมีศรัทธา การจินตนาการจะกลายเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างจุดที่คุณอยู่ในปัจจุบันกับจุดที่คุณปรารถนา

เมื่อคุณจินตนาการถึงสิ่งที่คุณต้องการ ให้คุณมองเห็นมันให้ชัดเจนในจินตนาการ รู้สึกมัน แล้วก็เชื่อมั่น หลังจากนั้นก็เดินทางไปสู่เป้าหมายนั้นอย่างตั้งใจทุกวัน แล้วสิ่งที่คุณต้องการและเห็นในใจจะกลายเป็นความจริงในที่สุด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *