แอดมิน

แอดมิน

The Kybalion: กฎแห่งอำนาจที่สั่นสะเทือนจักรวาล พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน และความจริงที่มนุษยชาติยังพร้อมจะรับมือ [ต้องอ่าน!]

มีคำกล่าวที่ว่า “สิ่งที่คุณกำลังแสวงหาก็กำลังแสวงหาคุณ” ใช่แล้ว…คุณไม่ได้เป็นคนเจอเนื้อหานี้ แต่เนื้อหานี้ต่างหากที่ตามหาคุณเจอ! แล้วจะบอกให้ว่านี่ไม่ใช่แค่เนื้อหาธรรมดาทั่วไป แต่มันเกี่ยวกับ “คิบาลีออน” (KYBALION) หรือที่คนภาษาไทยเรียกว่า “คัมภีร์ไคบาเลียน” หนึ่งในหนังสือที่โคตรจะลึกลับและทรงพลังที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยมีมาเลยก็ว่าได้ The Kybalion เป็นเหมือนคัมภีร์ลับสุดยอดที่เปิดเผย “กฎ” ที่ควบคุมความเป็นจริงทั้งปวง แต่ประเด็นคือ แทบจะไม่มีใครเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ เพราะหนังสือเล่มนี้มันจะปรากฏตัวให้เห็นก็ต่อเมื่อ… คุณพร้อมแล้วเท่านั้น! อาจจะฟังดูพิลึกพิลั่นในความคิดแบบตรรกะของคุณนะครับ แต่เชื่อเถอะว่าในชีวิตคนเรา มันจะมีบางช่วงเวลาที่ข้อมูลบางอย่าง หรือความรู้บางชุด จะเผยตัวออกมาให้เรารับรู้ก็ต่อเมื่อ “จิตวิญญาณ” ของเรามันเติบโตพอที่จะรองรับสิ่งนั้นได้จริงๆ และถ้าคุณกำลังฟังเรื่องนี้อยู่ นั่นก็เพราะว่า… วินาทีนั้นของคุณมาถึงแล้วล่ะครับ สิ่งที่คุณกำลังจะได้รู้จากตรงนี้ มันไม่มีสอนในโรงเรียน คุณจะหามันไม่เจอในหนังสือทั่วไปตามแผงแน่ๆ ความรู้นี้มันเก่าแก่ มันลึกซึ้ง และมันเป็นเรื่องของ “แรงสั่นสะเทือน” (Vibrational) ลองนึกภาพนะครับว่ามันถูกส่งต่อกันมาแบบเงียบๆ เป็นพันๆ…

20 วิธีดึงดูดเงินโดยใช้พลังของความคิด โดย James Goi Jr.

ในยุค พ.ศ. 2568 ที่เรากำลังก้าวเดินอยู่นี้ คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเงินกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของกินของใช้ การเดินทาง การศึกษา หรือแม้แต่ความบันเทิงที่เราค้นหาเพื่อเติมเต็มความสุข ทุกสิ่งล้วนต้องใช้เงินเป็นสื่อกลาง เราเติบโตมากับความเชื่อที่ว่าการจะได้เงินมานั้นต้องทำงานหนัก ทุ่มเทแรงกายแรงใจ และเสียเหงื่อสักกี่หยดถึงจะเพียงพอ แต่หากลองมองให้ลึกกว่านั้น สิ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทองหรือความฝันใด ๆ ในชีวิต ไม่ได้มีเพียงแค่การลงแรงเพียงอย่างเดียว หากแต่เริ่มต้นจากสิ่งที่ทรงพลังและอยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด—ความคิด ความคิดของเราคือพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวทุกคน มันเหมือนเมล็ดพันธุ์ที่รอการปลูกและบ่มเพาะเพื่อให้เติบโตเป็นผลลัพธ์ที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความมั่งคั่ง การค้นหาอิสรภาพทางการเงิน หรือการเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น ความคิดคือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดที่เรามี แต่ที่น่าเสียดายคือหลายคนไม่เคยตระหนักถึงพลังนี้ หรือบางคนอาจรู้แต่ไม่เคยนำมันมาใช้อย่างจริงจัง ลองนึกภาพดูว่า หากเราสามารถปรับเปลี่ยนวิธีคิดของเราให้มุ่งไปในทิศทางที่สร้างสรรค์และเต็มไปด้วยความหวัง ผลลัพธ์ที่เราเห็นในชีวิต—ไม่ว่าจะเป็นสถานะทางการเงิน ความสุข หรือความสำเร็จ—ก็จะเปลี่ยนไปด้วย มันอาจฟังดูเหมือนเรื่องที่ยากจะเชื่อ แต่ถ้าสังเกตดี ๆ ความจริงข้อนี้ได้พิสูจน์ตัวเองมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ตลอดประวัติศาสตร์ มีผู้คนมากมายที่เปลี่ยนชีวิตของตัวเองได้ด้วยการเริ่มต้นจากความคิด ผู้ยิ่งใหญ่หลายท่านได้แสดงให้เราเห็นว่าพลังของจิตใจสามารถนำพาไปสู่ความสำเร็จได้อย่างไร…

คิดให้เหมือนที่พระเจ้าคิดแล้วคุณจะร่ำรวยอย่างที่คุณต้องการ

ลองคิดถึงคำถามสองคำถามต่อไปนี้ พระเจ้า ผู้สร้าง พลังจักรวาล หรืออะไรก็ตามที่อยากจะเรียกคิดผ่านตัวคุณ ไม่ใช่แค่คำเปรียบเปรยสวยๆ ในบทกวี แต่เป็นความจริงที่มีชีวิตจับต้องได้เลยล่ะ คุณน่ะเป็นเหมือนเครื่องมือ เป็นจุดนัดพบระหว่างความเป็นนิรันดร์กับสิ่งที่เกิดขึ้นแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ทุกๆ ไอเดีย ทุกๆ ความปรารถนาที่ออกมาจากใจจริง ทุกๆ แรงผลักดันให้สร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ เนี่ย มันคือเสียงกระซิบแผ่วๆ จากสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด ที่กำลังมองหาช่องทางจะปรากฏตัวผ่านคุณนั่นแหละ ในงานเขียนที่เปิดเผยความลับชิ้นนี้ ชาร์ลส์ เอฟ. ฮาเนล (Charles F. Haanel) จะพาเราก้าวข้ามเรื่องแค่ผิวเผินของกฎแห่งแรงดึงดูด ไปสู่ใจกลางของพลังแห่งการสร้างสรรค์ที่แท้จริง นั่นก็คือจิตสำนึกที่เชื่อมต่อตรงกับแหล่งพลังงานต้นกำเนิด นี่ไม่ใช่คู่มือสอนขอพรสารพัดนึกนะ แต่มันคือการเปิดเผยความจริง เป็นเหมือนเสียงเรียกให้เราหวนรำลึกว่า ความคิดไม่ใช่แค่เรื่องที่เกิดขึ้นในหัวเฉยๆ แต่มันคือสะพานศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อมโยงสิ่งที่มองไม่เห็นเข้ากับสิ่งที่มองเห็นได้ ในนี้ คุณจะได้ค้นพบวิธีปรับจูนตัวเองให้เข้ากับจิตจักรวาล (Universal Mind) จะได้รู้ว่าความคิดของคุณมันไปก่อร่างสร้างสสารต่างๆ…

ทำราวกับว่าคุณเป็นเจ้าของทุกอย่างที่คุณต้องการแล้วคุณก็จะได้มันมาในที่สุด – เนวิลล์ ก็อดดาร์ด (Neville Goddard)

บทนำสู่กฏแห่งการสมบทบาทว่าคุณได้สิ่งที่คุณต้องการแล้ว มีพลังบางอย่างอยู่ภายในตัวคุณ พลังที่ยิ่งใหญ่และแน่นอนจนมันกำหนดโครงสร้างของความเป็นจริงของคุณเอง พลังนี้ไม่ได้อยู่ข้างนอก ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์รอบตัวคุณ แต่มันอยู่ในจิตสำนึกที่คุณแบกรับเอาไว้ โลกที่คุณมองเห็นเป็นเพียงเงาสะท้อนของสภาวะที่คุณครอบครองอยู่ เปลี่ยนสภาวะของคุณ แล้วโลกจะต้องเปลี่ยนตาม คุณไม่ต้องรอให้มีหลักฐาน ไม่ต้องร้องขอให้มีสัญญาณบอกใบ้ คุณแค่ “สมมติ” คุณ “เป็น” และคุณเดินไปข้างหน้าด้วยความแน่นอนว่าทุกสิ่งที่คุณปรารถนา มันเป็นของคุณอยู่แล้ว คุณไม่ได้ “หวัง” ให้ร่ำรวย ให้ได้รับความรัก หรือให้ประสบความสำเร็จ แต่คุณ “ใช้ชีวิต” ราวกับสิ่งเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของคุณอยู่แล้ว ไม่ใช่การแกล้งทำ ไม่ใช่การพยายามฝืน แต่เป็นการรู้ลึกลงไปในจิตใจ ว่าสิ่งที่คุณยืนยันในจิตสำนึก มันต้องปรากฏขึ้นเป็นความจริง คุณไม่ต้องวิ่งไล่ตาม ไม่ต้องคว้าไขว่ ไม่ต้องรอการยืนยันจากโลกภายนอก คุณกระทำราวกับคุณมีสิ่งนั้นอยู่แล้ว คุณเป็นเจ้าของมันแล้ว โลกอาจเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นเพียงภาพลวงตา แต่โลกมองเห็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้น คนที่เข้าใจกฎข้อนี้ย่อมรู้ว่า ทุกสิ่งที่ปรากฏเป็นเพียงเงาที่ทอดมาจากสิ่งที่มองไม่เห็น หากคุณต้องการเป็นที่รัก…

ศาสตร์การทำตัวและรู้สึกเสมือนว่ารวยแล้วและคุณก็จะรวยตามนั้น – เนวิล กอดดาร์ด (ฉบับย่อ)

โลกที่คุณเห็นคือกระจกสะท้อนโลกภายในตัวคุณ ถ้าอยากรวย คุณต้องเริ่มจาก “รู้สึก” ว่าเป็นคนรวยมหาศาลอยู่แล้ว ไม่ใช่ในอนาคต ไม่ใช่แค่คิดว่า “อาจเป็นได้” แต่คือเชื่อว่าเป็นจริงในตอนนี้! ถ้าอยากทำตัวแบบคนรวย คุณต้องคิด รู้สึก และทำตัวเหมือนเงินเป็นของคุณแล้ว ไม่ต้องรอหลักฐาน แต่สร้างมันจากข้างใน ลองหลับตาแล้วจินตนาการว่า คุณคือคนร่ำรวยสุดๆ มองเห็นตัวเองอยู่ในที่สวยหรู รู้สึกสบายใจเหมือนอยู่บ้าน สังเกตท่วงท่า การเดินที่สง่าผ่าเผย เสียงพูดที่มั่นใจ ไม่มีอาการกระวนกระวายหรือดิ้นรน มีแต่ความเชื่อมั่นว่า “คุณคือส่วนหนึ่งของโลกแห่งความอุดมสมบูรณ์” นี่ไม่ใช่การแกล้งทำ แต่คือการ “เป็น” จริงๆ! เพราะจิตใจแยกไม่ออกระหว่างความจริงกับจินตนาการ สิ่งที่คุณเชื่อภายในจะสร้างโลกภายนอก คนรวยจริงๆ ไม่ไล่ตามเงิน เพราะเขารู้ว่า “ความรวย” คือส่วนหนึ่งของสภาพจิตใจ เขาไม่กังวลเรื่องราคา ไม่พยายามโชว์สถานะ เขาใช้ชีวิตอย่างมั่นใจ เพราะรู้ว่า…

ศาสตร์การทำตัวและรู้สึกเสมือนว่ารวยแล้วและคุณก็จะรวยตามนั้น – เนวิล กอดดาร์ด (ฉบับเต็ม)

บทนำเกี่ยวกับแนวคิดความมั่งคั่งของเนวิลล์ ก็อดดาร์ด โลกที่คุณประสบคือการสะท้อนภาพของโลกภายในตัวคุณ หากคุณต้องการที่จะมีความมั่งคั่ง คุณต้องเริ่มต้นด้วยการรับรู้ความรู้สึกของการเป็นคนที่รวยแล้ว ไม่ใช่ในอนาคต ไม่ใช่เป็นความเป็นไปได้ แต่เป็นความจริงในปัจจุบัน การที่คุณจะมีพฤติกรรมเหมือนคนรวย คุณต้องคิด รู้สึก และเคลื่อนไหวราวกับว่าความมั่งคั่งเป็นสิ่งที่คุณมีอยู่แล้ว คุณไม่ได้รอหาหลักฐาน แต่คุณสร้างมันขึ้นมาจากภายใน ปิดตาลงสักครู่แล้วจินตนาการว่าคุณเป็นคนที่มีความมั่งคั่งมหาศาล มองเห็นตัวเองอยู่ในสถานที่หรูหราที่สุด รู้สึกเหมือนอยู่บ้านในความหรูหรา สังเกตวิธีที่คุณเดินและการเคลื่อนไหวของคุณ ความมั่นใจที่เงียบสงบในเสียงของคุณ ไม่มีความรู้สึกอยากได้หรือดิ้นรน มีแค่ความรู้สึกมั่นคงที่คุณรู้ว่า คุณเป็นส่วนหนึ่งของโลกแห่งความอุดมสมบูรณ์ นี้ไม่ใช่การแสร้งทำ แต่เป็นการกลายเป็น จิตใจไม่แยกแยะระหว่างความเป็นจริงกับจินตนาการ สิ่งที่คุณยอมรับว่าเป็นความจริงภายในตัวจะทำให้โลกภายนอกเป็นไปตามนั้น คนที่มั่งคั่งแท้จริงไม่วิ่งตามเงิน เพราะพวกเขาเข้าใจว่าความมั่งคั่งคือการขยายจากสถานะของการเป็นของพวกเขา พวกเขาไม่ได้หมกมุ่นกับราคาของสิ่งต่างๆ หรือรู้สึกจำเป็นที่จะต้องพิสูจน์สถานะของตัวเอง พวกเขาเดินผ่านชีวิตด้วยความมั่นใจ รู้ว่า ทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการจะไหลมาโดยไม่ต้องพยายาม เมื่อพวกเขาเข้าสู่ห้อง พวกเขาไม่ได้มองหาการยอมรับเพราะพวกเขารู้สึกว่าเขามีทุกอย่างแล้ว พวกเขาให้โดยไม่รู้สึกกลัวการขาดแคลน แต่จากความอุดมสมบูรณ์ภายในตัวเอง ความมั่งคั่งของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่ทรัพย์สิน แต่คือการที่พวกเขาคือใคร หากคุณต้องการที่จะมีพฤติกรรมเหมือนคนรวย…

สร้างจิตใจแห่งความร่ำรวย – วิธีเป็นผู้มั่งคั่งจนเงินต้องเลือกคุณ

ลองคิดดูสิว่าถ้า ทุกอย่างที่คุณเคยเรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างความมั่งคั่งมันกลับกันล่ะ? ขณะที่คนอื่นไล่ตามเงิน คนที่ร่ำรวยจริงๆ ได้ค้นพบสิ่งที่ทรงพลังมากกว่านั้น นั่นคือ การกลายเป็นคนที่ความมั่งคั่งไหลเข้าหาเอง ไม่ใช่แค่การขอพรเพื่อให้เงินล้านมาหา แต่เป็นการปรับวิธีคิด การตัดสินใจ และการกระทำของคุณให้เหมือนกับคนที่ดึงดูดความมั่งคั่งได้โดยธรรมชาติ นี่คือจิตวิทยาที่ซ่อนอยู่ซึ่งทำให้คนธรรมดากลายเป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดความมั่งคั่ง เหมือนกับรหัสที่ทำให้บางคนดูเหมือนดึงดูดเงินได้ตลอดเวลา ในขณะที่คนอื่นต้องดิ้นรนเพื่อเก็บมันไว้ “จิตใจแห่งความร่ำรวย” จะเผยให้เห็นโครงสร้างทางจิตวิทยาของความมั่งคั่ง ไม่ใช่แค่การหามันมาได้ แต่ยังเกี่ยวกับการเป็นคนที่ดึงดูดมันได้โดยไม่ต้องพยายาม นี่คือแผนผังที่จะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของคุณกับเงิน จากการวิ่งตามเงินตลอดเวลา ไปสู่การมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความมั่งคั่งอย่างเป็นธรรมชาติ บทเรียนที่ 1: ความร่ำรวยสูงสุดเกิดขึ้นเมื่อคุณทำลายขีดจำกัดลงได้ ความมั่งคั่งที่แท้จริงเกิดขึ้นเมื่อเราเลิกกำหนดขีดจำกัดให้ตัวเอง การเดินทางสู่ความร่ำรวยเริ่มต้นขึ้นเมื่อคุณตระหนักว่า ข้อจำกัดทั้งหลายล้วนมาจากความคิดของคุณเอง ทุกกรอบที่คุณมองเห็นเกี่ยวกับเงินและความสำเร็จ มีอยู่เพียงเพราะคุณเชื่อว่ามันเป็นจริง แต่เมื่อคุณเข้าใจความจริงข้อนี้ คุณก็ก้าวแรกสู่การทำลายข้อจำกัดเหล่านั้นไปตลอดกาล ลองคิดดูว่าคนส่วนใหญ่มักใช้ชีวิตอยู่ในกรงที่มองไม่เห็น พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาหาเงินได้แค่ระดับหนึ่ง เชื่อว่าความร่ำรวยเป็นของคนอื่น หรือคิดว่าภูมิหลังของตัวเองเป็นตัวกำหนดอนาคตทางการเงินของพวกเขา ความเชื่อเหล่านี้เป็นเหมือนโซ่ที่ล่ามพวกเขาไว้ ทำให้ไม่กล้าทำอะไรที่ใหญ่กว่าเดิม แต่ความจริงที่ปลดปล่อยคุณได้ก็คือ โซ่เหล่านี้ไม่มีอยู่จริง มันจะหายไปทันทีที่คุณเลิกเชื่อในมัน…

กฏแห่งความเชื่อและผลกระทบต่อชีวิตคุณ

กฎแห่งความเชื่อคือกฎสากลที่กำหนดพฤติกรรมของมนุษย์โดยพิจารณาจากการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เราเผชิญ กฎนี้ระบุว่ามันเป็นแนวโน้มของมนุษย์ที่จะตอบสนองโดยอิงจากความคิดที่มีมาก่อนที่พัฒนาขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่งมากกว่าข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง แม้ว่าเขาอาจมีข้อเท็จจริงบางอย่างอยู่ในมือแต่ปฏิกิริยาแรกของเขาจะขึ้นอยู่กับความเชื่อของเขาเท่านั้น ซึ่งเขาซึมซับมาจากวัฒนธรรมที่เขาเติบโตมา

14 ขั้นตอนการตั้งเป้าหมายแบบง่ายๆ เพื่อให้ได้ทุกสิ่งที่คุณต้องการเร็วกว่าที่คุณคิดว่าเป็นไปได้

ความสำเร็จคือเป้าหมาย ส่วนอื่นๆเป็นเพียงเสียงวิจารณ์ นี่คือการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ตลอดประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ชีวิตของคุณจะเริ่มต้นเป็นชีวิตที่ยอดเยี่ยมก็ต่อเมื่อคุณระบุได้อย่างชัดเจนว่าคุณต้องการอะไร วางแผนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น แล้วลงมือทำตามแผนนั้นทุกวัน ความสำเร็จคือเป้าหมาย ส่วนอื่นๆเป็นเพียงเสียงวิจารณ์ – ไบรอัน เทรซี่ สาเหตุหลักของความล้มเหลวคือ คนเราไม่พัฒนาแผนใหม่เพื่อทดแทนแผนที่ใช้ไม่ได้ผล” (นโปเลียน ฮิลล์) Brian Tracy กล่าวว่าจุดเปลี่ยนสามจุดในชีวิตของเขสคือ อย่างแรก เขาค้นพบว่าเขาเองต้องรับผิดชอบชีวิตของตัวเอง (Taking Responsibility) และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา เขาเรียนรู้ว่าชีวิตนี้ไม่ใช่การซ้อมสำหรับสิ่งอื่น นี่คือของจริง ในการศึกษาเกี่ยวกับคนที่ประสบความสำเร็จทุกครั้ง การยอมรับความรับผิดชอบส่วนบุคคลดูเหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้น ก่อนหน้านั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่หลังจากที่คุณยอมรับความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ ชีวิตทั้งหมดของคุณจะเริ่มเปลี่ยนไป จุดเปลี่ยนที่สองสำหรับ Brian Tracy ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเขาอายุ 24 ปี คือการค้นพบเป้าหมาย โดยที่ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร เขานั่งลงและเขียนรายการ 10 สิ่งที่เขาอยากทำให้สำเร็จในอนาคตอันใกล้…

แปลหนังสือหายาก: Mustard Seeds, Shovels & Mountains – วิธีประสบความสำเร็จโดยใช้พลังจิตกายภาพ โดย Jim Straw (บทที่ 11 – 17) จบ

บทที่ 11 ความล้มเหลวงั้นเหรอ ไม่กี่บทก่อนหน้านี้ ผมได้บอกคุณเกี่ยวกับ “ความผิดพลาดทางความคิด” ที่ผมมีตอนที่ผมเข้าแข่งขันสะกดคำ มันเป็นการแข่งขันสะกดคำระดับเขต และผมถูกขอให้สะกดคำว่า “haul” ตอนนั้นเองที่สมองของผมว่างเปล่า และสิ่งเดียวที่ผมคิดออกคือ “H-A-L-L” ไม่ว่าผมจะพยายามแค่ไหน ผมก็ไม่สามารถดึงคำว่า “haul” เข้ามาในความคิดได้เลย ผมย้อนกลับมาเล่าเรื่องนี้เพื่อถามคำถามง่าย ๆ ว่า: ทำไมบางครั้งเราถึงลืมสิ่งที่เรารู้ว่าเรารู้? นักเขียนเกี่ยวกับจิตวิทยาหลายคน—หรืออาจจะเกือบทั้งหมด—จะรีบให้คำตอบทันทีว่า “กลัวความล้มเหลว” แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ในตอนนั้น ขณะที่ผมอยู่ในการแข่งขันสะกดคำ สมองของผมยุ่งอยู่กับความคิดเกี่ยวกับความอับอายของตัวเอง ผมไม่ได้กลัวความล้มเหลว แต่สมองของผมเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับความอับอายจนมันไม่สามารถคิดถึงการสะกดคำที่ถูกต้องได้เลย ไม่เหมือนกับคอมพิวเตอร์ที่สามารถเปิดหลายโปรแกรมพร้อมกันได้ สมองมนุษย์ไม่สามารถถือความคิดมากกว่าหนึ่งอย่างได้ในเวลาเดียวกัน ดังนั้น ในขณะที่สมองของผมเต็มไปด้วยความอับอาย มันจึงไม่สามารถดึงคำว่า “haul” ขึ้นมาได้เลย ถ้าคุณไม่เชื่อ ลองทำสิ่งนี้… ลองอ่านย่อหน้าก่อนหน้านี้ออกเสียง และในขณะเดียวกันลองแบ่ง…