สรุปหนังสือ The Secret แบบอ่านง่ายเข้าใจง่าย

สวัสดีครับทุกคน วันนี้ผมจะมาแชร์บางอย่างที่สามารถเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของคุณได้เลย ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพ ไม่ใช่แค่เรื่องความสัมพันธ์ แต่เป็นทั้งชีวิตของคุณ นี่ไม่ใช่แค่บทสรุปหนังสือธรรมดาๆ แต่นี่คือบทสรุปของความลับหนึ่ง เป็นความจริงอันทรงพลังที่ถูกซ่อนไว้มานานหลายศตวรรษ

เป็นความจริงที่มีคนเพียง 1% ของโลกเท่านั้นที่เข้าใจและใช้มันอย่างแท้จริง ความจริงที่ทำให้คนรวยยิ่งรวยขึ้น คนที่ประสบความสำเร็จก็ยิ่งสำเร็จมากขึ้น และคนที่มีความสุขก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นไปอีก และตอนนี้คุณกำลังจะได้เรียนรู้มันเช่นกัน

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมมีคนเพียงไม่กี่คนที่ได้ใช้ชีวิตในฝันของพวกเขา ทำไมบางคนถึงดึงดูดความสำเร็จ เงินทอง ความรัก และสุขภาพได้อย่างง่ายดาย ทำไมคนอื่นๆ ถึงทำงานหนักทุกวันแต่ก็ยังคงติดอยู่กับปัญหา มันเป็นแค่โชคหรือเปล่า เป็นทางเลือกของพระเจ้า หรือมีบางอย่างที่ทรงพลังกว่านั้นกำลังเกิดขึ้น

และนั่นคือจุดที่หนังสือเล่มนี้เข้ามามีบทบาท ‘The Secret’ โดย รอนดา เบิร์น จุดประสงค์ของหนังสือเล่มนี้เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง นั่นคือเพื่อเปิดเผย ‘กฎแห่งการดึงดูด’ พลังอันยิ่งใหญ่ที่ทำงานอยู่ในชีวิตของคุณเสมอ ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม

บางคนพูดว่า “ฉันไม่เชื่อในกฎแห่งการดึงดูดหรอก” แต่ผมจะบอกอะไรที่สำคัญมากๆ ให้ฟังนะ คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อในแรงโน้มถ่วงเพื่อให้มันดึงคุณลงมา คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อในไฟฟ้าเพื่อให้พัดลมทำงาน และคุณก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อในกฎแห่งการดึงดูด แต่มันก็ยังคงทำงานอยู่ คำถามคือ คุณกำลังใช้มันเพื่อตัวเอง หรือใช้มันต่อต้านตัวเองอยู่ล่ะ

เนื้อหาบทนี้เหมือนคู่มือ มันเหมือนแผนที่ ที่จะแสดงให้คุณเห็นว่าจะใช้จิตใจ ความคิด ความรู้สึก และการโฟกัสของคุณเพื่อสร้างชีวิตที่คุณฝันถึงได้อย่างไร และนี่ไม่ใช่แนวคิดเพ้อฝันอะไรนะ นักคิดและผู้สร้างผู้ยิ่งใหญ่ตลอดประวัติศาสตร์ต่างก็เชื่อในความลับนี้ วิลเลียม เชกสเปียร์, ลีโอนาร์โด ดาวินชี, อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, เพลโต, นิวตัน และอีกมากมาย พวกเขาทั้งหมดเข้าใจในสิ่งเดียวกัน นั่นคือ ‘คุณคิดสิ่งใด คุณก็จะเป็นสิ่งนั้น’

หนังสือเล่มนี้ขายได้มากกว่า 30 ล้านเล่มทั่วโลก และได้เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนในทุกประเทศ มันช่วยให้ผู้คนปลดหนี้ได้ บางคนหายจากอาการป่วยไข้ รักษาความสัมพันธ์ และกลายเป็นเศรษฐี และตอนนี้ก็ถึงตาของคุณแล้ว

อย่างไรก็ตาม หนังสือเล่มนี้ก็มีมุมมองที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่ไม่น้อย หลายคนมองว่าแนวคิด ‘กฎแห่งแรงดึงดูด’ ที่นำเสนอเป็นการบอกความจริงเพียงด้านเดียว โดยเน้นย้ำเรื่องพลังความคิด แต่กลับมองข้ามความสำคัญของการลงมือทำอย่างมีกลยุทธ์ การวางแผน และการรับมือกับอุปสรรคในโลกแห่งความเป็นจริง เพราะการเพียงแค่นึกภาพความสำเร็จอาจไม่เพียงพอ หากปราศจากการทำงานหนักและความพยายามที่เป็นรูปธรรมเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น

ไม่ว่าจะมองด้านไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์แขนงใดหรือความเชื่อใดก็ตาม ต่างมีจุดร่วมเดียวกันว่าทุกสิ่งเริ่มต้นที่ความคิดเสมอ ดังนั้น การจะไปให้ถึงเป้าหมายได้จึงต้องเริ่มจากการกำหนดความต้องการของตนเองให้ชัดเจนจากข้างในใจเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยแปรเปลี่ยนไปสู่การวางแผน การลงมือทำ และการเดินทางสู่เป้าหมายในที่สุด

นี่คือช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงของคุณ ลองอ่านให้จบ บันทึกลงไปในความทรงจำ และที่สำคัญที่สุดคือ นำไปปรับใช้ในชีวิตของคุณ เพราะนี่ไม่ใช่แค่หนังสือ แต่นี่คือประตูสู่ชีวิตใหม่ของคุณ

บทสรุปนี้ยอดเยี่ยมสำหรับคนที่ไม่มีเวลาอ่านหนังสือทั้งเล่มแต่ชอบอ่านสรุปเนื้อแบบละเอียดแบบรวดเร็วโดยครอบคุมเนื้อหาในเล่มทั้งหมด ในหนังสือ The Secret มีทั้งหมด 10 บท แต่ละบทจะเปิดเผยบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับกฎแห่งการดึงดูด และวิธีที่มันจะเปลี่ยนชีวิตคุณได้ เรามาเริ่มกันเลย

บทที่หนึ่ง: ความลับที่ถูกเปิดเผย

บทนี้จะแนะนำแนวคิดหลักของหนังสือ นั่นคือ ‘ความคิดของคุณสร้างชีวิตของคุณเอง‘ เรามาทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้ลึกซึ้งกันดีกว่า ไม่ว่าคุณจะคิดถึงอะไร คุณก็จะดึงดูดสิ่งนั้นเข้ามามากขึ้น ถ้าคุณคิดถึงแต่ปัญหาตลอดเวลา

คุณก็จะดึงดูดปัญหาเข้ามามากขึ้น ถ้าคุณคิดถึงความรัก เงินทอง ความสำเร็จ สุขภาพ คุณก็จะดึงดูดสิ่งเหล่านั้นเข้ามาเช่นกัน สิ่งนี้เรียกว่า ‘กฎแห่งการดึงดูด’ มันหมายความง่ายๆ ว่า ‘สิ่งที่เหมือนกันจะดึงดูดกัน’ และ ‘ความคิดกลายเป็นความจริง’

นี่คือตัวอย่างนะ คุณเคยคิดถึงใครบางคนแล้วจู่ๆ เขาก็โทรมาหาคุณไหม คุณเคยรู้สึกไหมว่า ‘วันนี้ต้องเป็นวันที่แย่แน่ๆ’ แล้วทุกอย่างก็เริ่มผิดพลาดไปหมด นั่นแหละคือกฎแห่งการดึงดูดที่กำลังทำงานอยู่

รอนดา เบิร์น กล่าวว่า ‘ความลับคือคำตอบของทุกสิ่งที่เคยเป็นมา ทุกสิ่งที่เป็นอยู่ และทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต’ มันทรงพลังขนาดนั้นเลยล่ะ บทนี้อธิบายว่าคนที่ประสบความสำเร็จมากมายใช้ความลับนี้โดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ พวกเขามีเป้าหมายที่แข็งแกร่งและชัดเจน พวกเขาเชื่อมั่นในตัวเอง พวกเขามุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่พวกเขาต้องการ และจักรวาลก็ตอบสนอง

ลองคิดว่าจิตใจของคุณเป็นเหมือนแม่เหล็ก ความคิดของคุณคือสัญญาณ ไม่ว่าคุณจะโฟกัสไปที่อะไร คุณกำลังส่งสัญญาณนั้นออกไปสู่จักรวาล และจักรวาลก็จะนำสิ่งที่คุณร้องขอผ่านความคิดกลับมาให้คุณแบบเป๊ะๆ

ดังนั้นถ้าคุณตื่นขึ้นมาพร้อมกับความคิดที่ว่า ‘ฉันจน’ ‘ฉันเหนื่อย’ ‘ฉันมีปัญหาเยอะแยะไปหมด’ จักรวาลจะได้ยินสิ่งนั้นและมอบสิ่งเดียวกันให้คุณมากขึ้น แต่ถ้าคุณตื่นขึ้นมาพร้อมกับความคิดที่ว่า ‘ฉันโชคดี’ ‘ฉันกำลังจะประสบความสำเร็จ’ ‘อะไรๆ ก็กำลังดีขึ้น’ แล้วไม่ช้าสิ่งต่างๆ ก็จะเริ่มดีขึ้นจริงๆ

นี่คือประโยคทรงพลังจากหนังสือ ‘อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในใจของคุณ คือสิ่งที่คุณกำลังดึงดูดเข้ามา‘ นั่นหมายความว่าคุณต้องควบคุมความคิดของคุณให้ได้ อย่าไปโฟกัสในสิ่งที่คุณไม่ต้องการ ให้โฟกัสเฉพาะสิ่งที่คุณต้องการเท่านั้น อย่าคิดว่า ‘ฉันไม่อยากถังแตก’ แต่ให้คิดว่า ‘ฉันกำลังดึงดูดความมั่งคั่งเข้ามาทุกวัน’

บทนี้เปรียบเสมือนกระจกเงา มันแสดงให้เราเห็นว่าชีวิตของเราเป็นเพียงภาพสะท้อนของสิ่งที่เกิดขึ้นภายในใจของเรา

ขั้นตอนเล็กๆ ที่ทำได้เลย: เริ่มใส่ใจกับความคิดของคุณ เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกในแง่ลบ ให้หยุด แล้วแทนที่ความคิดนั้นด้วยความคิดเชิงบวก แทนที่จะคิดว่า “ฉันไม่มีเงิน” ให้พูดว่า “ฉันกำลังเรียนรู้ที่จะสร้างเงินทีละนิด และเงินกำลังหลั่งไหลเข้ามาหาฉัน” แม้แต่ภาษาที่คุณใช้ก็ต้องเปลี่ยน ถ้าคุณอยากให้ชีวิตของคุณเปลี่ยน

บทที่ 2 ความลับที่ถูกทำให้ง่าย

ตอนนี้ที่คุณรู้แล้วว่าความคิดของคุณสร้างความเป็นจริงของคุณขึ้นมาได้ บทนี้จะอธิบายว่าจริงๆ แล้วการใช้กฎแห่งการดึงดูดมันง่ายแค่ไหน สูตรก็คือ ขอ เชื่อ รับ

หนึ่ง ‘ขอ’ (Ask)
คุณต้องชัดเจนก่อนว่าคุณต้องการอะไร อย่าพูดแบบงงๆ ว่า “ฉันอยากรวย” แต่ให้พูดอย่างชัดเจนว่า “ฉันอยากมีรายได้เดือนละ 100,000 บาทจากการทำในสิ่งที่ฉันรัก” นั่นคือสัญญาณที่ชัดเจนไปยังจักรวาล ก็เหมือนกับการสั่งของใน Amazon นั่นแหละ คุณไม่ได้พูดว่า “ฉันอยากได้อะไรดีๆ สักอย่าง” แต่คุณจะบอกเป๊ะๆ เลยว่าอยากได้อะไร แล้วจักรวาลก็จะส่งมอบสินค้าที่ถูกต้องให้

สอง ‘เชื่อ’ (Believe)
คุณต้องเชื่อจริงๆ ว่ามันเป็นไปได้สำหรับคุณ ไม่มีข้อสงสัย ไม่มีความกลัว ไม่มีคำว่า “แต่ว่ามันจะเกิดขึ้นได้ยังไง” หน้าที่ของคุณไม่ใช่การไปหาวิธีการ นั่นเป็นหน้าที่ของจักรวาล คุณแค่ต้องเชื่อด้วยศรัทธาเต็มเปี่ยมว่า “มันเป็นของฉันแล้ว” ก็เหมือนกับตอนที่คุณสั่งของออนไลน์ คุณไม่ได้มากังวลทุกวันว่า “ของจะมาไหมนะ” คุณแค่เชื่อใจว่ามันกำลังมา นั่นแหละคือความเชื่อ

สาม ‘รับ’ (Receive)
เริ่มรู้สึกถึงความสุขราวกับว่าคุณได้รับมันมาแล้ว ถ้าคุณอยากได้ความรัก ก็ให้รู้สึกถึงความรักในหัวใจของคุณตอนนี้เลย ถ้าคุณอยากได้เงิน ก็ให้รู้สึกรวยตอนนี้เลย ถ้าคุณอยากมีสุขภาพดี ก็ให้รู้สึกสุขภาพดีตอนนี้เลย เพราะความรู้สึกคือภาษาของจักรวาล สิ่งที่คุณรู้สึก คุณก็จะดึงดูดสิ่งนั้นเข้ามา

บทนี้ยังให้ตัวอย่างจากชีวิตจริงด้วย เป็นเรื่องราวของผู้คนที่เปลี่ยนความคิดและดึงดูดสิ่งที่น่าอัศจรรย์เข้ามา ทั้งเงินทอง การงาน ความรัก หรือแม้กระทั่งการหายจากอาการป่วยร้ายแรง เพียงแค่ใช้ 3 ขั้นตอนนี้

ตัวอย่างสำหรับมือใหม่: คุณอยากพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณ นี่คือวิธีใช้ ขอ-เชื่อ-รับ

  • ขอ: ฉันอยากพูดภาษาอังกฤษได้คล่องอย่างมั่นใจ
  • เชื่อ: ฉันเชื่อว่าฉันเก่งขึ้นทุกวัน ฉันกำลังจะกลายเป็นคนมั่นใจ
  • รับ: ฉันรู้สึกภูมิใจ มีความสุข และมั่นใจราวกับว่าฉันพูดคล่องแล้ว

ถ้าหากต้องการเพิ่มรายได้ ลองใช้กระบวนการนี้

  • ขอ: ฉันต้องการดึงดูดความมั่งคั่งและมีรายได้เข้ามาจากหลากหลายช่องทางอย่างง่ายดาย
  • เชื่อ: ฉันเชื่อว่าฉันเป็นแม่เหล็กดึงดูดเงิน โอกาสดีๆ ในการสร้างรายได้กำลังหลั่งไหลเข้ามาหาฉันอยู่เสมอ
  • รับ: ฉันรู้สึกถึงความสุข ความอุดมสมบูรณ์ และความขอบคุณราวกับว่าฉันมีอิสรภาพทางการเงินแล้วในตอนนี้

วิธีการง่ายๆ นี้ทำงานได้ราวกับเวทมนตร์ หากคุณใช้มันด้วยความเชื่อและความรู้สึก

ขั้นตอนเล็กๆ ที่ทำได้เลย: ทุกเช้า ให้เขียน 3 สิ่งที่คุณต้องการ เชื่อว่ามันกำลังจะมา และรู้สึกถึงความสุขที่ได้รับมันมาแล้ว

บทที่ 3 วิธีใช้ The Secret

ตอนนี้คุณก็รู้แล้วว่ากฎแห่งการดึงดูดมีอยู่จริง คุณได้เรียนรู้จากบทที่ 1 และ 2 แล้วว่าความคิดของคุณกลายเป็นความจริงได้ และจักรวาลก็กำลังรับฟังความรู้สึก อารมณ์ และคำพูดของคุณอยู่เสมอ

แต่คำถามต่อไปนี้สำคัญมาก: คุณจะใช้ความลับนี้ในชีวิตจริงของคุณได้อย่างไร? คุณจะนำไปปรับใช้จริงได้อย่างไรตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน? และนี่คือข่าวดี มันไม่ยากเลย มันไม่ซับซ้อน จริงๆ แล้วมันง่ายมาก แต่ก็ต่อเมื่อคุณเข้าใจมันอย่างถ่องแท้และใช้มันทุกวันเท่านั้น

บทนี้จะมอบเครื่องมืออันทรงพลังที่สามารถเปลี่ยนความจริงของคุณได้ มันเหมือนกับรีโมทคอนโทรลสำหรับชีวิตคุณเลย แล้วเครื่องมือทรงพลังที่ว่าคืออะไรล่ะ? มันก็คือกระบวนการเดิมนั่นแหละ ขอ-เชื่อ-รับ แต่ในบทที่ 3 รอนดา เบิร์น พาเราลงลึกไปกว่านั้น เธอแสดงให้เราเห็นถึงวิธีการที่จะ รู้สึก เชื่อ และ ใช้ชีวิต ราวกับว่าความฝันของเราเป็นจริงแล้วจริงๆ นั่นคือวิธีที่จักรวาลจะตอบสนอง

เรามาดูกันทีละขั้นตอนพร้อมตัวอย่างที่ชัดเจนและเป็นจริงในชีวิต เพื่อให้แม้แต่มือใหม่ก็สามารถเข้าใจได้

ขั้นตอนที่หนึ่ง: ขอ
จงชัดเจนในสิ่งที่คุณต้องการ ลองจินตนาการว่าคุณเดินเข้าไปในร้านอาหาร

พนักงานเสิร์ฟเดินมาแล้วถามว่า “จะรับอะไรดีครับ/คะ?”

แล้วคุณตอบว่า “เอิ่ม… ไม่รู้สิ อาจจะเอาอะไรดีๆ สักอย่าง ไม่เผ็ดมาก”

พนักงานจะเข้าใจไหม? ไม่เลย เขาจะงง แต่ถ้าคุณบอกชัดๆ ว่า “ฉันขอพิซซ่าชีส แป้งบาง เพิ่มมะกอก” เขาก็จะรู้ว่าต้องเอาอะไรมาให้

จักรวาลก็ทำงานเหมือนพนักงานเสิร์ฟคนนั้นเป๊ะๆ เลย คุณต้องสั่งออเดอร์ให้ชัดเจน อย่าพูดว่า “ฉันอยากมีความสุข” ให้พูดว่า “ฉันต้องการชีวิตครอบครัวที่สงบสุขและเต็มไปด้วยความรัก งานที่ทำให้ฉันมีความสุข และมีเงินพอที่จะใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ”

อย่าพูดว่า “ฉันอยากพูดอังกฤษเก่งขึ้น” ให้พูดว่า “ฉันอยากพูดภาษาอังกฤษได้คล่องอย่างมั่นใจและสื่อสารกับใครก็ได้ง่ายๆ”

อยากพูดว่า “ฉันอยากมีเงินเยอะๆ” หรือ “ฉันต้องการรวย” แต่ให้พูดว่าฉันต้องการมีเงิน 10 ล้านอยู่ในแบงค์ ภายใน 5 ปี หรือ 10 ปี แล้วแต่ความคาดหวังที่สะท้อนความเป็นไปได้ของตัวเอง นั่นก็คือเป็นอะไรที่ไม่ง่ายเกินไป หรืออะไรที่ไม่เวอร์ไปสำหรับการเป็นมนุษย์คนหนึ่ง

นั่นแหละคือการขอ

  • เคล็ดลับสำคัญ: เขียนมันลงไป การเขียนช่วยให้จิตใจของคุณจดจ่อ เมื่อคุณเขียน สมองของคุณจะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น

ขั้นตอนที่สอง: เชื่อ
มีศรัทธาเหมือนกับว่ามันสำเร็จไปแล้ว ทีนี้ ลองจินตนาการว่าคุณสั่งอาหารไปแล้ว คุณจะทำอะไรต่อ? คุณก็นั่งรอ คุณไม่วิ่งเข้าไปในครัว คุณไม่ไปถามเชฟว่า “แน่ใจนะว่าจะมา?” คุณเชื่อใจว่ามันกำลังมา นั่นคือความหมายของคำว่า “เชื่อ” ในบทนี้เป๊ะๆ เลย

แต่ในชีวิตจริง คนเรากลับทำตรงกันข้าม พวกเขาพูดว่า “ฉันอยากได้งานที่ดีกว่านี้” แล้วก็พูดต่อว่า “แต่งานมันหายาก ฉันคุณสมบัติไม่ถึง ฉันไม่รู้จักใครเลย” พวกเขาจะยกเลิกออเดอร์ของตัวเอง จักรวาลก็จะบอกว่า “โอเค ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันก็จะไม่ส่งให้”

ดังนั้น ความเชื่อหมายถึงการที่คุณรู้สึกว่ามันเป็นของคุณแล้ว รู้สึกถึงความสุข รู้สึกถึงความสำเร็จ รู้สึกถึงเงินทอง ความรัก ความสงบสุข ราวกับว่าคุณมีมันอยู่แล้ว ถ้าคุณอยากพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง ให้จินตนาการว่าตัวเองกำลังยืนอยู่หน้าผู้คนอย่างมั่นใจ พูดคุยอย่างชัดเจน ผู้คนยิ้ม พยักหน้า และเข้าใจคุณ ให้รู้สึกถึงความมั่นใจนั้น นั่นแหละคือความเชื่อ

  • เคล็ดลับสำคัญ: ใช้คำยืนยันเชิงบวก (Affirmations) พูดซ้ำๆ ทุกวัน “ฉันมั่นใจ” “ฉันพูดภาษาอังกฤษได้ง่าย” “ฉันเก่งขึ้นทุกวัน”

ขั้นตอนที่สาม: รับ
รู้สึกถึงความรู้สึกนั้น ณ บัดนี้ นี่คือส่วนที่ใช้อารมณ์มากที่สุดในกระบวนการ คนส่วนใหญ่ลืมขั้นตอนนี้ไป การที่จะได้รับสิ่งที่คุณขอ คุณต้องรู้สึกขอบคุณ ตอนนี้ คุณต้องรู้สึกมีความสุข ตอนนี้ คุณต้องรู้สึกถึงอารมณ์ของการมีชีวิตในฝันของคุณแล้ว ตอนนี้

ทำไมล่ะ? เพราะอารมณ์เปรียบเสมือนเสาส่งสัญญาณ ถ้าคุณรู้สึกกลัว สงสัย เศร้า คุณก็จะดึงดูดสิ่งเหล่านั้นเข้ามาอีก แต่ถ้าคุณรู้สึกถึงความสุข ความสงบ ความขอบคุณ คุณก็จะดึงดูดสิ่งเหล่านั้นเข้ามาอีก

  • ตัวอย่าง: คุณอยากได้เงินมากขึ้น อย่ารู้สึกจน ให้รู้สึกเหลือเฟือ ขอบคุณจักรวาลสำหรับเงินที่คุณมีอยู่แล้ว แม้ว่ามันจะน้อยนิดก็ตาม พูดว่า “ขอบคุณสำหรับเงิน 100 ดอลลาร์นี้ ฉันรู้ว่าเดี๋ยวก็มีมาอีก” คุณอยากได้ความรัก อย่ารู้สึกเหงา ให้รู้สึกถึงความรักที่คุณมีอยู่แล้วจากครอบครัว เพื่อน หรือแม้แต่จากตัวเอง ยิ่งคุณรู้สึกมีความสุขตอนนี้มากเท่าไหร่ ความฝันของคุณก็จะยิ่งเป็นจริงเร็วขึ้นเท่านั้น

หนังสือสอนเทคนิคที่ทรงพลังอย่างหนึ่ง นั่นคือ การสร้างภาพในใจ (Visualization) นี่หมายถึงการหลับตาและมองเห็นชีวิตในฝันของคุณในใจ นักกีฬาระดับโอลิมปิกทำสิ่งนี้ก่อนการแข่งขันทุกครั้ง พวกเขาจินตนาการว่าตัวเองชนะ และมันก็เพิ่มโอกาสแห่งความสำเร็จของพวกเขา คุณก็ทำแบบนี้ได้เช่นกัน

  • ขั้นตอนสำหรับการสร้างภาพในใจ:
    • นั่งเงียบๆ หลับตาลง
    • จินตนาการถึงชีวิตในฝันของคุณอย่างชัดเจนพร้อมรายละเอียด
    • รู้สึกถึงอารมณ์นั้น ยิ้ม ตื่นเต้น รู้สึกเป็นอิสระ
    • การสร้างภาพในใจเพียงวันละ 5 นาที สามารถเปลี่ยนชีวิตคุณได้

บทนี้จบลงด้วยความจริงอันลึกซึ้ง: คุณกำลังสร้างชีวิตของคุณเองอยู่ทุกๆ วัน ด้วยทุกความคิด ความรู้สึก ความเชื่อ และคำพูด คุณกำลังปั้นอนาคตของคุณอยู่ แล้วคุณกำลังสร้างผลงานชิ้นเอกหรือสร้างความเละเทะกันล่ะ? มันเป็นทางเลือกของคุณ บทนี้มอบพลังให้คุณแล้ว ทีนี้มันอยู่ในมือคุณแล้ว

บทที่ 4 กระบวนการอันทรงพลัง

บทนี้ว่าด้วยเทคนิคจริงๆ ที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ทุกวันเพื่อรักษาความคิดเชิงบวก จดจ่อ และดึงดูดชีวิตที่คุณต้องการ เพราะความจริงก็คือ มันง่ายที่จะพูดว่า “คิดบวกสิ” แต่ชีวิตเต็มไปด้วยความเครียด บิล ค่าใช้จ่าย การทะเลาะเบาะแว้ง ปัญหาสุขภาพ ความกลัว แล้วคุณจะเข้มแข็งและใช้ความลับนี้ได้อย่างไรเมื่อชีวิตมันยาก? บทนี้ให้กระบวนการอันทรงพลัง 3 อย่างแก่คุณ

หนึ่ง: การยินดีกับสิ่งที่ได้รับ พลังที่มหัศจรรย์ที่สุด
นี่คือหัวใจของความลับ การยินดีกับสิ่งที่ได้รับ (บางคนใช้คำว่าความกตัญญู) หมายถึงความรู้สึกขอบคุณ การซาบซึ้งในสิ่งที่คุณมี รอนดาบอกว่า “การยินดีกับสิ่งที่ได้รับเป็นวิธีที่ทรงพลังที่สุดในการนำพาสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตของคุณมากขึ้น” ทำไมล่ะ? “เพราะเมื่อคุณรู้สึกขอบคุณ คุณจะมุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่ดี และเมื่อคุณมุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่ดี จักรวาลก็จะมอบสิ่งที่ดีให้คุณมากขึ้น”

  • ตัวอย่าง: แทนที่จะพูดว่า “ฉันเกลียดบ้านหลังนี้” ให้พูดว่า “ขอบคุณสำหรับหลังคาที่คุ้มหัวฉัน” และในไม่ช้า คุณก็จะดึงดูดบ้านที่ดีกว่าเข้ามา
  • แบบฝึกหัดในชีวิตจริง: ทุกเช้า ให้เขียน 5 สิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณ รู้สึกถึงความขอบคุณนั้น พูดคำว่า “ขอบคุณ” บ่อยๆ ระหว่างวัน หรือแม้กระทั่งขอบคุณล่วงหน้าก่อนที่บางสิ่งจะเกิดขึ้น พูดว่า “ขอบคุณสำหรับงานใหม่” “ขอบคุณสำหรับสุขภาพที่ดีของฉัน” แม้ว่าคุณจะยังไม่ได้รับมันก็ตาม นั่นแหละคือเคล็ดลับ “การยินดีกับสิ่งที่ได้รับล่วงหน้า”

สอง: การสร้างภาพในใจ วาดภาพความฝันของคุณ
เราได้พูดถึงเรื่องนี้ไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ในบทนี้มันจะทรงพลังยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อคุณสร้างภาพเป้าหมายของคุณในใจ คุณกำลังส่งสัญญาณที่แข็งแกร่งและชัดเจนไปยังจักรวาล จิตใจของคุณไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างจินตนาการและความเป็นจริงได้

ดังนั้นถ้าคุณจินตนาการถึงความสำเร็จ ร่างกาย ความรู้สึก และพลังงานของคุณจะเริ่มปรับให้เข้ากับความสำเร็จนั้น

  • วิธีฝึกฝน: นั่งเงียบๆ ทุกวันเป็นเวลา 5-10 นาที หลับตาลง จินตนาการถึงชีวิตในฝันของคุณ บ้านในฝัน งานในฝัน รูปร่างในฝัน ความรักในฝัน เพิ่มเสียง สีสัน กลิ่น ทำให้มันสมจริง ยิ้ม รู้สึกถึงอารมณ์นั้น แล้วความฝันของคุณจะเริ่มกลายเป็นความจริง

สาม: วิชั่นบอร์ด (Vision Board) ทำให้ความฝันของคุณมองเห็นได้
นี่เป็นเครื่องมือที่สนุกและทรงพลังมาก หาบอร์ดหรือกระดาษมา ตัดรูปภาพจากนิตยสารหรือพิมพ์จากอินเทอร์เน็ต แปะรูปบ้านในฝันของคุณ รถที่คุณอยากได้ รูปร่างในอุดมคติของคุณ อะไรก็ได้ที่คุณต้องการ

นำบอร์ดนี้ไปวางไว้ในที่ที่คุณสามารถเห็นได้ทุกวัน เช่น ห้องนอน โต๊ะทำงาน หรือตั้งเป็นภาพพื้นหลังโทรศัพท์ ทุกครั้งที่คุณเห็นมัน คุณจะนึกถึงเป้าหมายของคุณและจิตใจของคุณก็จะจดจ่ออยู่เสมอ นี่ไม่ใช่งานศิลปะและงานฝีมือธรรมดา แต่นี่คือการโปรแกรมจิต คุณกำลังบอกสมองของคุณว่า “นี่คือชีวิตของฉัน นี่คือที่ที่ฉันกำลังจะไป”

บทนี้คือทั้งหมดที่เกี่ยวกับการฝึกฝนความลับในชีวิตประจำวัน คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรใหญ่โต แค่นิสัยง่ายๆ: การยินดีกับสิ่งที่ได้รับ การสร้างภาพในใจ การจดจ่อ และเป้าหมายที่ชัดเจน การฝึกฝนเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวันนี้จะสร้างตัวตนใหม่ของคุณขึ้นมา

คุณไม่ใช่เหยื่อ คุณคือผู้สร้าง คุณไม่ได้ไร้หนทาง คุณทรงพลังเกินกว่าจะจินตนาการ รอนดาบอกว่า “คุณคือไมเคิลแองเจโลแห่งชีวิตของคุณเอง และรูปสลักเดวิดที่คุณกำลังปั้นอยู่นั้นก็คือตัวคุณเอง”

บทที่ 5 ความลับสู่ความมั่งคั่ง

บทนี้ไม่ใช่แค่เรื่องวิธีที่จะรวยเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการเปลี่ยนวิธีที่คุณคิด รู้สึก และดึงดูดความอุดมสมบูรณ์เข้ามาในชีวิตของคุณ ผู้คนมากมายใช้ชีวิตอยู่กับความเครียดทางการเงิน พวกเขาทำงานหนัก เก็บเงิน พยายามทำทุกอย่าง แต่ก็ยังคงใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือน พวกเขาเชื่อว่าการที่จะรวยได้นั้นมีไว้สำหรับคนโชคดี สำหรับนักธุรกิจ หรือสำหรับคนที่เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยเท่านั้น

แต่บทนี้ได้ทลายภาพลวงตานั้นลง และบอกความจริงอันกล้าหาญแก่คุณว่า: เงิน ไม่ใช่เรื่องของการทำงานหนักเพียงอย่างเดียว แต่มันเป็นเรื่องของแรงสั่นสะเทือน ความเชื่อ และการปรับตัวให้เข้ากับความอุดมสมบูรณ์

ผมขออธิบายเรื่องนี้ด้วยตัวอย่าง ลองจินตนาการถึงคนสองคนที่ทำงานในที่เดียวกัน เงินเดือนเท่ากัน การศึกษาเท่ากัน คนหนึ่งกลายเป็นเศรษฐีในไม่กี่ปี ส่วนอีกคนยังคงติดขัดทางการเงิน ทำไมล่ะ?

เพราะคนแรกเชื่อว่าเขาสมควรได้รับเงิน เขารู้สึกขอบคุณสำหรับเงินทุกบาททุกสตางค์ เขาสร้างภาพความมั่งคั่งในใจ และเขาพูดถึงเงินด้วยความรัก ไม่ใช่ด้วยความกลัว ส่วนคนที่สองกังวลเรื่องบิลค่าใช้จ่ายอยู่เสมอ พูดว่าเงินไม่ได้งอกมาจากต้นไม้ และเชื่อว่าคนรวยเป็นคนโลภ ดังนั้น คนหนึ่งกำลังดึงดูดเงินเข้ามา ในขณะที่อีกคนกำลังผลักมันออกไป ไม่ใช่ด้วยการกระทำ แต่ด้วยความคิดและอารมณ์

บทนี้อธิบายว่าเงินคือพลังงาน และพลังงานจะไหลไปยังที่ที่ความสนใจของคุณไปอยู่ ถ้าคุณมุ่งความสนใจไปที่ความขาดแคลน คุณก็จะดึงดูดความขาดแคลนเข้ามามากขึ้น แต่ถ้าคุณมุ่งความสนใจไปที่ความอุดมสมบูรณ์ แม้ว่าตอนนี้คุณจะยังไม่มีมันก็ตาม คุณจะเริ่มดึงดูดโอกาส แนวคิด และการกระทำที่จะนำคุณไปสู่ความมั่งคั่ง

ตัวอย่างเช่น ถ้าทุกครั้งที่คุณเห็นบัญชีธนาคารของคุณแล้วคุณรู้สึกกลัว รู้สึกผิด หรือละอายใจ คุณกำลังสร้างพลังงานลบ และพลังงานนั้นจะทำให้คุณติดอยู่กับที่ แต่ถ้าคุณมองดูบัญชีธนาคารของคุณแล้วพูดว่า “ขอบคุณสำหรับสิ่งที่ฉันมี และฉันพร้อมที่จะรับมากกว่านี้” พลังงานของคุณจะเปลี่ยนไป และเมื่อพลังงานของคุณเปลี่ยน ความเป็นจริงของคุณก็จะเริ่มเปลี่ยนไปด้วย

มีเทคนิคอันทรงพลังที่แชร์ไว้ในบทนี้ คือการสร้างภาพในใจว่าคุณมีเงินที่คุณต้องการ ไม่ใช่แค่ฝันถึงมัน แต่ให้ รู้สึก ถึงมันราวกับว่าคุณมีมันอยู่แล้ว เห็นภาพตัวเองจ่ายบิลทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย เห็นภาพตัวเองกำลังเพลิดเพลินกับรถที่คุณต้องการ บ้านที่คุณรัก อาหารที่คุณอยากกิน

ให้รู้สึกถึงอิสรภาพ ความสุข และความขอบคุณนั้น เมื่อคุณ รู้สึก รวยก่อนที่คุณจะรวย จักรวาลจะตอบสนองและนำพาผู้คน โอกาส และปาฏิหาริย์ที่สนับสนุนความเป็นจริงนั้นมาให้คุณ

แต่จำไว้ว่า หลายคนทำผิดพลาดครั้งใหญ่ตรงนี้ พวกเขาพูดว่า “ฉันอยากได้เงิน” แต่ลึกๆ ข้างในพวกเขารู้สึกจน เสียงในใจของพวกเขาบอกว่า “ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้สำหรับฉันหรอก” ความสงสัยนั้นจะไปยกเลิกการดึงดูด

ดังนั้นบทนี้จึงสอนให้คุณไม่ใช่แค่ทำงานกับการ “ขอ” เท่านั้น แต่ให้ทำงานกับการ “เชื่อ” อย่างแท้จริงว่าคุณคู่ควรกับความมั่งคั่ง และมันเป็นสิทธิ์โดยกำเนิดของคุณ บทนี้บอกให้คุณรักเงิน ไม่ใช่ในแบบโลภ แต่ในแบบที่ให้ความเคารพและขอบคุณ

บทนี้ยังย้ำเตือนเราให้ “ให้เพื่อที่จะได้รับ” หลายคนกลัวที่จะให้เงินแม้เพียงเล็กน้อยเพราะพวกเขาคิดว่าจะสูญเสียมันไป แต่กฎแห่งการดึงดูดบอกว่าสิ่งที่คุณให้ไปจะกลับมาหาคุณแบบทวีคูณ ถ้าคุณให้ด้วยความรัก อาจจะบริจาคเพื่อการกุศล ให้พ่อแม่ หรือให้ใครบางคนที่ต้องการความช่วยเหลือ และคุณรู้สึกมีความสุขในการให้จักรวาลจะเห็นทัศนคติแห่งความอุดมสมบูรณ์ของคุณและส่งเงินมาให้คุณมากขึ้น มันเหมือนกับการบอกจักรวาลว่า “ฉันมีพอ ฉันไม่กลัว และฉันพร้อมสำหรับมากกว่านี้”

ดังนั้น หากคุณเป็นคนที่กำลังดิ้นรนทางการเงิน บทนี้คือแสงสว่างของคุณ มันคือคู่มือของคุณที่จะเปลี่ยนกรอบความคิดจากความขาดแคลนไปสู่ความอุดมสมบูรณ์ จากความกลัวไปสู่ความศรัทธา จากความไม่มีไปสู่ความหรูหรา

จงฝึกฝนการยินดีกับสิ่งที่ได้รับสำหรับทุกเหรียญที่มี พูดถ้อยคำแห่งความมั่งคั่ง รู้สึกรวยจากข้างใน และที่สำคัญที่สุด จงเชื่อว่าเงินไม่ได้อยู่ข้างนอกตัวคุณ แต่มันอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว หากคุณปรับความคิดและอารมณ์ของคุณให้สอดคล้องกับความเจริญรุ่งเรือง

บทที่ 6 ความลับสู่ความสัมพันธ์

ทีนี้เรามาต่อกันที่บทที่จะไปสัมผัสทุกหัวใจ นั่นคือ “ความลับสู่ความสัมพันธ์” ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาความรัก ดิ้นรนอยู่ในความสัมพันธ์ หรือพยายามเยียวยาจากใจที่แตกสลาย บทนี้จะมอบเลนส์ใหม่ให้คุณในการมองผู้คนและความรัก

คนส่วนใหญ่โทษคนอื่นสำหรับความเจ็บปวดของพวกเขา “เขาไม่รักฉัน” “เธอทำลายความไว้ใจของฉัน” “ครอบครัวของฉันเป็นพิษ” แต่ความลับบอกว่า ความสัมพันธ์ภายนอกของคุณคือกระจกสะท้อนความสัมพันธ์ภายในที่คุณมีต่อตัวเอง

เรามาทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้ลึกซึ้งกัน ถ้าคุณคิดอยู่ตลอดว่า “ฉันไม่ดีพอ” หรือ “ไม่มีใครรักฉัน” หรือ “ฉันเจ็บปวดอยู่เสมอ” คุณกำลังส่งแรงสั่นสะเทือนนั้นออกไป และจักรวาลก็จับคู่มันให้ โดยจะนำพาผู้คนและสถานการณ์ที่สะท้อนความเชื่อเหล่านั้นเข้ามา

นั่นคือเหตุผลที่บางคนยังคงดึงดูดคู่ครองที่เป็นพิษแบบเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขาคิดว่าเป็นโชคร้าย แต่จริงๆ แล้วมันคือกฎแห่งการดึงดูดที่กำลังตอบสนองต่อความเชื่อของพวกเขา

บทนี้สนับสนุนให้คุณเริ่มต้นจากภายใน แทนที่จะรอให้คนอื่นมารักคุณ เคารพคุณ หรือทำให้คุณมีความสุข คุณต้องมอบความรู้สึกเหล่านั้นให้กับตัวเองก่อน มองเข้าไปในกระจกแล้วพูดว่า “ฉันรักเธอ เธองดงาม เธอดีพอแล้ว” ตอนแรกอาจจะรู้สึกงี่เง่าไปบ้าง แต่นี่คือวิธีที่คุณจะเปลี่ยนพลังงานของคุณ และเมื่อพลังงานของคุณเต็มไปด้วยความรักในตัวเอง คุณจะเริ่มดึงดูดผู้คนที่ปฏิบัติต่อคุณด้วยความรักและความเมตตา

ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งพูดอยู่เสมอว่า “ผู้ชายเป็นพวกโกหก” จิตใต้สำนึกของเธอก็จะเชื่อว่าผู้ชายทุกคนไม่ดี ดังนั้น แม้ว่าเธอจะเจอผู้ชายดีๆ เธอก็จะคาดหวังการทรยศ และพลังงานของเธอก็จะผลักเขาออกไป หรือไม่ก็ดึงดูดคนที่จะมาพิสูจน์ความเชื่อของเธอให้เป็นจริง

แต่ถ้าเธอเริ่มพูดว่า “ฉันดึงดูดแต่คนใจดี เปี่ยมรัก และซื่อสัตย์” เธอก็จะสร้างความเชื่อใหม่ขึ้นมา และความเชื่อนั้นก็จะกลายเป็นความจริงใหม่ของเธอ

อีกหนึ่งแนวคิดที่สวยงามในบทนี้คือการมุ่งความสนใจไปที่สิ่งดีๆ ในตัวผู้อื่น หากคุณอยู่ในความสัมพันธ์ที่กำลังมีปัญหา อย่าเอาแต่ย้ำคิดถึงความผิดพลาดของพวกเขาในใจ แต่ให้คิดถึงคุณสมบัติดีๆ ของพวกเขาพูดถึงจุดแข็งของพวกเขา ส่งความรักไปในความคิดของคุณ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่กับคุณก็ตาม

เมื่อคุณเปลี่ยนพลังงานของคุณที่มีต่อพวกเขา พวกเขาก็จะเริ่มเปลี่ยนไปด้วย เพราะแรงสั่นสะเทือนของคุณส่งผลต่อพวกเขามากกว่าคำพูดของคุณเสียอีก

บทนี้ยังพูดถึงการให้อภัยด้วย หลายคนแบกรับความเจ็บปวดจากอดีตไว้ พวกเขาไม่สามารถก้าวต่อไปได้เพราะหัวใจของพวกเขามันหนักอึ้ง แต่กฎแห่งการดึงดูดจะทำงานได้ดีที่สุดกับหัวใจที่เบาสบาย การให้อภัยไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นโอเค แต่มันหมายความว่าคุณพร้อมที่จะปล่อยวางและเลือกความสงบสุข เมื่อคุณปลดปล่อยความโกรธ คุณก็ได้เปิดพื้นที่สำหรับความรัก

แล้วเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวล่ะ? บทนี้บอกว่าหากความสัมพันธ์ของคุณกับพ่อแม่ พี่น้อง หรือลูกไม่ดี ให้เริ่มจากการเปลี่ยนความคิดของคุณที่มีต่อพวกเขาก่อน

หยุดคาดหวังในสิ่งที่เลวร้ายที่สุด หยุดจดจำแต่ความเจ็บปวด พูดถึงพวกเขาอย่างนุ่มนวล เขียนสิ่งที่คุณชื่นชมเกี่ยวกับพวกเขาลงไป ทันทีที่คุณเปลี่ยนพลังงานของคุณ ปาฏิหาริย์ก็สามารถเกิดขึ้นได้ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างไกล แม้ว่าคุณจะไม่ได้คุยกันมาหลายปีแล้วก็ตาม

โดยสรุป บทนี้ไม่ใช่เรื่องของการไปแก้ไขคนอื่น แต่เป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงตัวเอง รักตัวเอง ให้อภัยผู้อื่น คิดในแง่บวกเกี่ยวกับผู้คนในชีวิตของคุณ และเชื่อใจให้จักรวาลนำพาการเยียวยาและความปรองดองมาให้ ไม่ว่าคุณจะโสด กำลังมีความรัก แต่งงานแล้ว หรืออกหัก บทนี้ได้มอบความจริงอันทรงพลังให้คุณว่า คุณคือผู้สร้างความสัมพันธ์ของตัวคุณเอง

บทที่ 7 ความลับสู่สุขภาพ

เมื่อคุณนึกถึงสุขภาพของคุณ คุณรู้สึกอย่างไร? คุณรู้สึกขอบคุณร่างกายของคุณไหม? คุณรู้สึกทรงพลัง แข็งแรง และเปี่ยมไปด้วยพลังงาน? หรือคุณรู้สึกเหนื่อย ป่วย หรือพ่ายแพ้?

บทที่ 7 “ความลับสู่สุขภาพ” คือทั้งหมดที่เกี่ยวกับว่าความคิด ความเชื่อ และอารมณ์ของคุณส่งผลโดยตรงต่อร่างกายและความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวมของคุณอย่างไร บทนี้จะช่วยให้คุณเห็นว่าร่างกายของคุณไม่ใช่แค่เครื่องจักรที่คุณให้อาหารและดูแลทางกายภาพเท่านั้น แต่มันยังเป็นแรงสั่นสะเทือนที่ตอบสนองต่อพลังงานที่คุณส่งออกไปสู่โลกภายนอกด้วย

แนวคิดหลักของบทนี้เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง: ความคิดของคุณสร้างความเป็นจริงของคุณขึ้นมา ซึ่งรวมถึงสุขภาพของคุณด้วย คนส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวว่าความคิดที่พวกเขาคิดเกี่ยวกับสุขภาพสามารถนำพาความเจ็บป่วยหรือการเยียวยามาให้พวกเขาได้

ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณคิดอยู่ตลอดว่า “ฉันป่วยบ่อย” หรือ “ฉันมียีนส์ที่ไม่ดี ดังนั้นฉันจะต้องมีปัญหาสุขภาพตลอดไปแน่ๆ” คุณกำลังดึงดูดปัญหาเหล่านั้นเข้ามาในชีวิตคุณมากขึ้น มันไม่ใช่แค่เรื่องของพันธุกรรม แต่มันเกี่ยวกับแรงสั่นสะเทือน ความคิดเชิงลบเกี่ยวกับสุขภาพของคุณสร้างพลังงานลบซึ่งทำให้ร่างกายของคุณอ่อนแอลง

เรามาดูตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจเรื่องนี้ดีขึ้น ลองจินตนาการถึงคนสองคน คนหนึ่งคิดบวก รักร่างกายของตัวเอง และเชื่อว่าทุกเซลล์ในร่างกายของเขามีสุขภาพดีและแข็งแรง ส่วนอีกคนกังวลอยู่ตลอดเวลาว่า “เดี๋ยวฉันก็เป็นหวัด” หรือ “ฉันเหนื่อยตลอดเลย”

คนที่มีความคิดเชิงบวกกำลังส่งพลังงานบวกที่ดีต่อสุขภาพออกไป ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้เขารู้สึกแข็งแรงและมีพลัง ส่วนคนที่มีความคิดเชิงลบกำลังส่งแรงสั่นสะเทือนของความเจ็บป่วยออกไป และพวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะรู้สึกอ่อนแอ เหนื่อยล้า หรือไม่สบาย

แต่ส่วนที่น่าทึ่งอยู่ตรงนี้: คุณมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้ หากคุณกำลังดิ้นรนกับปัญหาสุขภาพ บทนี้สอนคุณว่าคุณสามารถพลิกฟื้นสุขภาพของคุณได้ด้วยการเปลี่ยนความคิดและอารมณ์ของคุณ แทนที่จะมุ่งความสนใจไปที่ความเจ็บปวด ความเจ็บป่วย หรือความอ่อนแอ ให้มุ่งความสนใจไปที่การเยียวยา ความแข็งแรง และความมีชีวิตชีวา

ทุกครั้งที่คุณรู้สึกไม่สบาย ให้บอกกับตัวเองว่า “ฉันกำลังดีขึ้นทุกวัน ฉันสุขภาพดี ร่างกายของฉันแข็งแรง” คำยืนยันเชิงบวกเช่นนี้สามารถเปลี่ยนกรอบความคิดของคุณและส่งสัญญาณที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงไปยังร่างกายของคุณ

อีกหนึ่งแนวคิดที่ทรงพลังในบทนี้คือ คุณไม่ใช่โรคของคุณ บ่อยครั้งที่ผู้คนนิยามตัวเองด้วยความเจ็บป่วยของพวกเขา “ฉันเป็นเบาหวาน” “ฉันเป็นโรคหอบหืด” แต่ด้วยการตีตราตัวเองแบบนี้ คุณกำลังตอกย้ำความเจ็บป่วยนั้น ให้ปล่อยป้ายเหล่านั้นไปเสีย แล้วบอกกับตัวเองว่า “ฉันเป็นคนสุขภาพดี” หรือ “ฉันเป็นคนที่มีชีวิตชีวาและเปี่ยมพลัง” แม้ว่าคุณจะยังไม่รู้สึกเช่นนั้นในขณะนี้ก็ตาม นี่คือวิธีที่คุณจะเริ่มเปลี่ยนแปลงร่างกายและพลิกฟื้นสุขภาพของคุณ

เรามาพูดถึงการยินดีกับสิ่งที่ได้รับต่อสุขภาพของคุณกันบ้าง แทนที่จะมุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่ผิดปกติ ให้เริ่มมุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น พูดว่า “ขอบคุณสำหรับหัวใจของฉันที่เต้นอยู่ทุกวินาที” “ขอบคุณสำหรับขาของฉันที่ทำให้ฉันเดินได้” หรือ “ขอบคุณสำหรับดวงตาของฉันที่ช่วยให้ฉันมองเห็น”

การยินดีกับสิ่งที่ได้รับส่งแรงสั่นสะเทือนอันทรงพลังออกไป ซึ่งจะปรับจูนคุณให้เข้ากับสุขภาพ ยิ่งคุณชื่นชมร่างกายและการทำงานของมันมากเท่าไหร่ ร่างกายของคุณก็จะยิ่งปรับเข้ากับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีมากขึ้นเท่านั้น

บทนี้ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างภาพในใจอีกด้วย จินตนาการว่าร่างกายของคุณมีสุขภาพดี มีความสุข และปราศจากความเจ็บปวด วาดภาพตัวเองกำลังวิ่ง เต้นรำ หรือทำสิ่งที่คุณรัก รู้สึกแข็งแรงและมีชีวิตชีวา ยิ่งคุณสร้างภาพการพัฒนาสุขภาพของคุณมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งปรับจิตใจของคุณให้สอดคล้องกับการเยียวยามากขึ้นเท่านั้น

โดยสรุป “ความลับสู่สุขภาพ” สอนคุณว่าร่างกายของคุณคือภาพสะท้อนของความคิดของคุณ หากคุณคิดลบเกี่ยวกับสุขภาพของคุณ คุณจะดึงดูดความเจ็บป่วย แต่ถ้าคุณคิดบวก หากคุณมุ่งความสนใจไปที่ความแข็งแรง ความมีชีวิตชีวา และความเป็นอยู่ที่ดี คุณจะดึงดูดสุขภาพที่ดีขึ้น ร่างกายของคุณคือเครื่องจักรที่งดงาม และมันกำลังรอให้คุณส่งสัญญาณที่ถูกต้องไปให้มัน นั่นคือสัญญาณแห่งความรัก ความคิดบวก และการเยียวยา

บทที่ 8 ความลับสู่โลก

ในบทที่ 8 “ความลับสู่โลก” เราจะดำดิ่งลึกลงไปว่ากฎแห่งการดึงดูดทำงานในระดับโลกได้อย่างไร ตอนนี้ที่คุณได้เรียนรู้แล้วว่ากฎแห่งการดึงดูดทำงานสำหรับตัวคุณเป็นการส่วนตัวอย่างไร ทั้งในเรื่องสุขภาพ ความสัมพันธ์ และการเงินของคุณ

บทนี้จะยกระดับคุณขึ้นไปอีกขั้น มันอธิบายว่าทุกสิ่งในโลกเชื่อมโยงถึงกัน และพลังงานส่วนบุคคลของคุณก็เป็นส่วนหนึ่งของพลังงานสากลที่ใหญ่กว่า ยิ่งคุณปรับพลังงานส่วนตัวของคุณให้สอดคล้องกับความคิดบวก ความรัก และการยินดีกับสิ่งที่ได้รับมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งส่งอิทธิพลต่อโลกรอบตัวคุณมากขึ้นเท่านั้น

ขั้นตอนแรกในการทำความเข้าใจบทนี้คือการตระหนักว่าเราทุกคนคือพลังงาน ทุกคน สัตว์ทุกตัว ต้นไม้ทุกต้น อาคารทุกหลัง และวัตถุทุกชิ้นในโลกล้วนประกอบขึ้นจากพลังงาน มันเป็นพลังงานเดียวกันกับที่ไหลผ่านตัวคุณและจักรวาล

ความคิดที่คุณคิดและอารมณ์ที่คุณรู้สึกคือรูปแบบหนึ่งของพลังงาน เมื่อคุณส่งพลังงานบวกออกไป โลกก็จะตอบสนองด้วยประสบการณ์เชิงบวก เมื่อคุณส่งพลังงานลบออกไป โลกก็จะตอบสนองด้วยประสบการณ์เชิงลบ นี่คือกฎแห่งการดึงดูดที่ทำงานในระดับโลก

แล้วคุณจะเปลี่ยนแปลงโลกด้วยความคิดของคุณได้อย่างไร? เรามาดูตัวอย่างเรื่องสันติภาพกัน ลองจินตนาการถึงโลกที่วุ่นวาย เต็มไปด้วยสงคราม ความเกลียดชัง และความกลัว จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มคิดถึงสันติภาพ ความรัก และความสามัคคี?

พลังงานก็จะเปลี่ยนไป มันเหมือนกับการโยนก้อนหินลงไปในสระน้ำ แรงกระเพื่อมจะแผ่ออกไปและส่งผลกระทบต่อทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ เมื่อผู้คนจำนวนมากขึ้นมุ่งความสนใจไปที่สันติภาพ ความรัก และความเมตตา พลังงานโดยรวมของโลกก็จะเปลี่ยนแปลง ผู้คนจะเริ่มปฏิบัติต่อกันอย่างสันติมากขึ้น ความขัดแย้งจะเริ่มคลี่คลาย และความสามัคคีจะเริ่มเติบโต นี่คือพลังของความคิดส่วนรวม

บทนี้สนับสนุนให้คุณไม่เพียงแค่มุ่งเน้นไปที่ความปรารถนาส่วนตัวของคุณเท่านั้น แต่ยังให้มุ่งเน้นไปที่ความต้องการของโลกด้วย คุณอยากอยู่ในโลกแห่งสันติภาพ ความรัก และความอุดมสมบูรณ์หรือไม่?

จงเริ่มต้นด้วยการส่งความคิดแห่งสันติภาพ ความรัก และความอุดมสมบูรณ์ออกไป ทุกครั้งที่คุณคิดบวกเกี่ยวกับโลก คุณกำลังมีส่วนร่วมในพลังงานระดับโลก ทุกครั้งที่คุณกระทำด้วยความเมตตา ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ หรือความรัก คุณกำลังเผยแพร่พลังงานบวก

เรามาลงรายละเอียดด้วยอีกตัวอย่างหนึ่ง ลองนึกถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หลายคนกังวลว่าโลกกำลังทุกข์ทรมานและไม่มีอะไรสามารถทำได้เพื่อย้อนกลับความเสียหายนั้น แต่ความลับบอกว่า ด้วยการคิดบวกเกี่ยวกับโลกใบนี้ ด้วยการจินตนาการถึงมหาสมุทรที่สะอาด ป่าไม้ที่สมบูรณ์ และระบบนิเวศที่มีชีวิตชีวา

คุณกำลังช่วยสร้างพลังงานที่สามารถนำมาซึ่งทางออกได้ จงเชื่อในโลกที่ดีกว่า สร้างภาพมันขึ้นมาในใจ และมุ่งพลังงานของคุณไปที่การเยียวยาของโลก พลังงานแห่งความหวัง การยินดีกับสิ่งที่ได้รับ และความคิดบวกสามารถรวมผู้คนเป็นหนึ่งและสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการลงมือทำเพื่อช่วยโลกได้

บทนี้ยังอธิบายด้วยว่าความคิดของคุณไม่เคยอยู่โดดเดี่ยว เมื่อคุณมุ่งความสนใจไปที่สิ่งดีๆ เพื่อตัวคุณเอง สุขภาพของคุณ ความสัมพันธ์ของคุณ การเงินของคุณ คุณก็กำลังมีส่วนร่วมในสิ่งที่ดีของโลกด้วยเช่นกัน เมื่อคุณยกระดับแรงสั่นสะเทือนของคุณ คุณก็กำลังยกระดับแรงสั่นสะเทือนของทั้งโลก เมื่อผู้คนจำนวนมากขึ้นเข้าร่วม พลังงานก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น และเราจะร่วมกันสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับทุกคน

ดังนั้น บทที่ 8 สอนเราว่าความคิดส่วนบุคคลของคุณสามารถส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อโลกได้ หากเราต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในโลก เราต้องเริ่มต้นที่ตัวเราเอง ปรับความคิดและอารมณ์ของเราให้สอดคล้องกับความรัก สันติภาพ และความอุดมสมบูรณ์ และส่งพลังงานนั้นออกไปสู่โลก กฎแห่งการดึงดูดไม่ใช่แค่เครื่องมือส่วนบุคคล แต่มันคือพลังสากลที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทั้งโลก ทีละความคิด

บทที่ 9 ความลับสู่ตัวคุณ

บทนี้ “ความลับสู่ตัวคุณ” คือทั้งหมดที่เกี่ยวกับการทำความเข้าใจศักยภาพที่แท้จริงของคุณ ‘The Secret’ ได้แบ่งปันพลังของความคิด กฎแห่งการดึงดูด และวิธีดลบันดาลความปรารถนาของคุณให้เป็นจริงแล้ว

แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่จะมุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า นั่นคือ “ตัวคุณ” คุณคือกุญแจสู่ความสำเร็จของคุณ ทุกสิ่งที่คุณต้องการ ทุกสิ่งที่คุณจำเป็น และทุกสิ่งที่คุณปรารถนา อยู่ในตัวคุณแล้ว มันแค่รอให้คุณเข้าไปใช้พลังของตัวเอง

บทนี้เริ่มต้นด้วยการเน้นย้ำว่าเราทุกคนเกิดมาพร้อมกับความสามารถอันน่าทึ่ง นั่นคือความสามารถในการสร้างความเป็นจริงของเราเอง คุณอาจเคยได้ยินคนพูดว่า “คุณทำได้ทุกอย่างที่คุณตั้งใจ” มันไม่ใช่แค่วลีติดปาก แต่มันคือความจริง ความคิดและอารมณ์ของคุณคือพลังสร้างสรรค์ที่หล่อหลอมชีวิตของคุณ คุณกุมอำนาจในการชี้นำพลังเหล่านี้และสร้างชีวิตที่คุณต้องการ

แต่คำถามคือ ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงไม่เชื่อว่าพวกเขามีพลังนี้? ทำไมผู้คนมากมายถึงรู้สึกติดขัด ถูกจำกัด หรือไม่สามารถบรรลุความฝันของพวกเขาได้? นั่นเป็นเพราะพวกเขายังไม่ตระหนักถึงศักยภาพของตนเอง พวกเขาเชื่อในข้อจำกัดของตนเองมากกว่าความเป็นไปได้

ข่าวดีก็คือบทนี้จะแสดงให้คุณเห็นถึงวิธีที่จะเปิดเผยความยิ่งใหญ่ของคุณ สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ต้องเข้าใจคือจักรวาลนั้นอุดมสมบูรณ์ ไม่มีการขาดแคลนความสำเร็จ ความมั่งคั่ง สุขภาพ ความรัก หรือความสุข แต่คุณต้องเชื่อว่าคุณคู่ควรกับมัน

ผู้คนจำนวนมากใช้ชีวิตโดยคิดว่าพวกเขาไม่คู่ควรกับความสำเร็จหรือความสุข แต่นี่เป็นความเชื่อที่ผิด ความจริงคือ คุณคู่ควรกับทุกสิ่งที่คุณปรารถนา และมันเป็นสิทธิ์โดยกำเนิดของคุณที่จะมีมัน

บทนี้สนับสนุนให้คุณรับผิดชอบต่อชีวิตของคุณ หยุดโทษคนอื่น หยุดหาข้อแก้ตัว และหยุดรู้สึกเหมือนเป็นเหยื่อ คุณคือผู้ควบคุมความคิด ความรู้สึก และการกระทำของคุณ ถึงเวลาแล้วที่จะควบคุมชีวิตของคุณและสร้างอนาคตที่คุณต้องการ จักรวาลไม่ตอบสนองต่อข้อแก้ตัว แต่มันตอบสนองต่อพลังงาน การจดจ่อ และความเชื่อของคุณ

คุณคือผู้สร้างความเป็นจริงของคุณเอง และกุญแจสำคัญในการปลดล็อกพลังของคุณคือการเชื่อในตัวเอง ทันทีที่คุณเชื่อว่าคุณสมควรได้รับความยิ่งใหญ่ ทันทีที่คุณตระหนักว่าคุณมีความสามารถในการสร้างทุกสิ่งที่คุณต้องการ

ทุกอย่างจะเริ่มเปลี่ยนไป พลังงานที่คุณส่งออกไปสู่โลกจะแข็งแกร่งขึ้น และกฎแห่งการดึงดูดจะเริ่มนำพาสิ่งต่างๆ เข้ามาในชีวิตคุณซึ่งสอดคล้องกับแรงสั่นสะเทือนใหม่ของคุณ

ตัวอย่างเช่น ลองนึกถึงคนๆ หนึ่งที่ใฝ่ฝันมาตลอดว่าอยากจะเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ แต่กลับสงสัยในตัวเองอยู่เสมอ เขาอาจจะบอกกับตัวเองว่า “ฉันไม่ดีพอ” “ฉันไม่มีทักษะ” หรือ “ฉันไม่มีทางทำสำเร็จหรอก”

การคิดลบแบบนี้ทำให้เขาติดอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบันของเขา อย่างไรก็ตาม หากคนๆ นี้เริ่มเชื่อว่าเขาสามารถทำได้ หากเขาเปลี่ยนคำพูดที่พูดกับตัวเองเป็น “ฉันคือผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ” “ฉันมีทุกสิ่งที่จำเป็นต่อความสำเร็จ” พลังงานรอบตัวเขาก็จะเปลี่ยนไป จักรวาลจะเริ่มสนับสนุนเขาเพราะเขาได้เข้าถึงพลังส่วนตัวของเขาแล้ว

บทนี้ยังพูดถึงความสำคัญของความรักในตัวเองด้วย คุณต้องรักตัวเองอย่างไม่มีเงื่อนไขเพื่อที่จะดึงดูดสิ่งที่ดีที่สุดเข้ามาในชีวิตของคุณ การรักตัวเองไม่ใช่แค่การปรนเปรอตัวเองเท่านั้น แต่มันคือการยอมรับตัวเองอย่างสมบูรณ์ มันคือการรู้ว่าคุณคู่ควรกับความสุข ความรัก ความสำเร็จ และทุกสิ่งที่คุณปรารถนา เมื่อคุณรักตัวเอง คุณจะส่งพลังงานบวกออกไปซึ่งจะดึงดูดสิ่งที่เป็นบวกมากขึ้น

คุณคือผู้สร้างโชคชะตาของคุณเอง และบทนี้อยู่ที่นี่เพื่อเตือนคุณว่าคุณมีทุกสิ่งที่จำเป็นในการใช้ชีวิตในฝันของคุณ เริ่มต้นด้วยการเชื่อในตัวเอง รักตัวเอง และรับผิดชอบต่อพลังงานที่คุณส่งออกไปสู่โลก จักรวาลกำลังรอที่จะสนับสนุนคุณอยู่ ทั้งหมดที่คุณต้องทำก็คือ “เชื่อ”

บทที่ 10 ความลับสู่ชีวิต

ในที่สุดเราก็มาถึงบทที่ทรงพลังที่สุดของทั้งหมด: ความลับสู่ชีวิต บทนี้รวบรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันและเปิดเผยพลังที่แท้จริงของกฎแห่งการดึงดูด ‘The Secret’ ได้แสดงให้คุณเห็นแล้วว่าจะดลบันดาลความปรารถนาของคุณได้อย่างไร, สร้างสุขภาพและความมั่งคั่ง, และปรับปรุงความสัมพันธ์ แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่จะมองไปที่ตัว “ชีวิต” เองแล้ว

คุณจะใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความสงบ และความอุดมสมบูรณ์ได้อย่างไร? คำตอบนั้นง่ายมาก: จงมุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่ดี

พลังงานที่คุณส่งออกไปสู่โลกเป็นตัวกำหนดชีวิตที่คุณจะได้สัมผัส จักรวาลตอบสนองต่อความคิด ความรู้สึก และอารมณ์ของคุณ และมันจะนำพาสิ่งที่คุณมุ่งความสนใจมาให้คุณมากขึ้น ดังนั้น หากคุณมุ่งความสนใจไปที่ความสุข ความรัก และการยินดีกับสิ่งที่ได้รับ นั่นคือสิ่งที่คุณจะดึงดูดเข้ามาในชีวิต หากคุณมุ่งความสนใจไปที่ความกลัว ความขาดแคลน หรือความคิดลบ นั่นคือสิ่งที่คุณจะดึงดูดเข้ามา ทางเลือกเป็นของคุณ

หนึ่งในสิ่งที่ทรงพลังที่สุดที่คุณสามารถทำได้คือการใช้ชีวิตด้วยการยินดีกับสิ่งที่ได้รับ การยินดีกับสิ่งที่ได้รับเป็นเหมือนแม่เหล็กสำหรับสิ่งดีๆ ทั้งหมด ยิ่งคุณมุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณมากเท่าไหร่ จักรวาลก็จะยิ่งนำพาสิ่งที่จะทำให้คุณรู้สึกขอบคุณมาให้คุณมากขึ้นเท่านั้น

มันเหมือนกับจักรวาลกำลังพูดว่า “ถ้าคุณรู้สึกขอบคุณสำหรับสิ่งนี้ ฉันจะให้คุณมากกว่านี้อีกเพื่อให้คุณได้ขอบคุณ ยิ่งคุณซาบซึ้งมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งได้รับมากขึ้นเท่านั้น”

ในบทนี้ ‘ความลับสู่ชีวิต’ สอนคุณว่าชีวิตไม่ใช่การรอคอยให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้น แต่มันคือการสร้างชีวิตของคุณเอง ชีวิตไม่ใช่ชุดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบสุ่ม แต่มันคือภาพสะท้อนของความคิดและอารมณ์ของคุณ

คุณสามารถเลือกที่จะใช้ชีวิตแห่งความอุดมสมบูรณ์ ความสำเร็จ ความรัก และความสุขได้ โดยการปรับความคิดของคุณให้สอดคล้องกับสิ่งที่คุณต้องการจะได้สัมผัส จักรวาลจะตอบสนอง และมันจะนำพาผู้คน โอกาส และสถานการณ์ที่ตรงกับพลังงานของคุณมาให้

จงรับผิดชอบต่อชีวิตของคุณ หากคุณไม่มีความสุขกับชีวิตของคุณ ถึงเวลาแล้วที่จะเปลี่ยนความคิดของคุณ เปลี่ยนกรอบความคิดของคุณ แล้วคุณจะเปลี่ยนชีวิตของคุณ บทนี้เน้นย้ำว่าชีวิตไม่ใช่ประสบการณ์ที่ต้องรอรับอย่างเดียว

คุณไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อแค่รอให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้น คุณอยู่ที่นี่เพื่อสร้างชีวิตของคุณ เพื่อใช้ชีวิตที่เป็นภาพสะท้อนของความปรารถนาที่ลึกที่สุดของคุณ จุดประสงค์สูงสุดของคุณ และศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณ

อีกหนึ่งคำสอนที่ทรงพลังในบทนี้คือ ทุกคนที่คุณพบคือภาพสะท้อนของพลังงานของคุณเอง หากคุณพบว่าตัวเองรายล้อมไปด้วยคนคิดลบ อาจถึงเวลาที่ต้องมองเข้ามาข้างในและถามว่า “พลังงานอะไรที่ฉันกำลังส่งออกไป?”

คุณกำลังส่งพลังงานแห่งการปฏิเสธหรือความคิดลบออกไป หรือคุณกำลังมุ่งความสนใจไปที่ความคิดบวกและความรัก? ผู้คนที่คุณพบคือภาพสะท้อนโดยตรงของพลังงานที่คุณส่งออกไป หากคุณต้องการเปลี่ยนความสัมพันธ์ของคุณ คุณต้องเปลี่ยนพลังงานของคุณ

ชีวิตคือของขวัญ และบทนี้สอนคุณว่ากุญแจสำคัญในการสัมผัสความสมบูรณ์ของชีวิตคือการโอบรับมันอย่างเต็มที่ โอบรับทุกช่วงเวลา ทุกความท้าทาย และทุกพรด้วยการยินดีกับสิ่งที่ได้รับ ยิ่งคุณซาบซึ้งในชีวิตมากเท่าไหร่ ชีวิตก็จะยิ่งซาบซึ้งในตัวคุณมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งคุณโอบรับความสุขและความรักมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งได้สัมผัสสิ่งเหล่านั้นมากขึ้นเท่านั้น

บทนี้ยังสอนอีกว่าเวลาเป็นเพียงภาพลวงตา จักรวาลไม่ได้ผูกมัดด้วยเวลาในแบบที่เราเป็น ทุกสิ่งที่คุณต้องการมีอยู่พร้อมสำหรับคุณแล้ว คุณเพียงแค่ต้องปรับตัวเองให้สอดคล้องกับมัน อย่ารอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมเพื่อที่จะเริ่มใช้ชีวิตในฝันของคุณ เวลาที่เหมาะสมคือ ‘ตอนนี้’ เริ่มคิดความคิดที่สอดคล้องกับชีวิตที่คุณอยากจะใช้ จักรวาลกำลังรอที่จะส่งมอบความปรารถนาของคุณ แต่คุณต้องพร้อมที่จะรับมัน

ความลับสู่ชีวิตคือการใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย มีแพชชั่น และมีการยินดีกับสิ่งที่ได้รับ มุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่เป็นบวก แล้วจักรวาลจะนำพาสิ่งดีๆ มาให้คุณมากขึ้น คุณคือผู้สร้างความเป็นจริงของคุณ และชีวิตของคุณคือภาพสะท้อนของความคิดและพลังงานของคุณ ควบคุมความคิดของคุณ แล้วคุณจะสร้างชีวิตที่คุณใฝ่ฝันมาตลอดได้

สองบทสุดท้ายนี้เปลี่ยนชีวิตได้เลย เพราะมันย้ำเตือนคุณว่าคุณคือผู้ควบคุมชีวิตและอนาคตของคุณ กฎแห่งการดึงดูดทำงานอยู่เสมอ และคุณมีพลังที่จะปรับความคิดของคุณให้สอดคล้องกับความปรารถนาของคุณ จงเชื่อในศักยภาพของคุณ จงเชื่อในพลังของคุณ และเริ่มใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ความสุข และความสำเร็จ

ตอนนี้คุณมีทุกสิ่งที่จำเป็นในการเริ่มต้นสร้างชีวิตที่คุณปรารถนาแล้ว ใช้เครื่องมือและกลยุทธ์จาก ‘The Secret’ จงเชื่อในตัวเอง และอย่าลืมว่าคุณคือผู้สร้างโชคชะตาของคุณเอง

แต่จำไว้ว่า การรู้เพียงอย่างเดียวไม่พอ คุณต้องใช้ชีวิตกับมัน รู้สึกถึงมัน และเชื่อในมันทุกๆ วัน ความคิดของคุณทรงพลัง จิตใจของคุณคือแม่เหล็ก และชีวิตของคุณกำลังรอให้คุณเป็นผู้ปั้นแต่งมันขึ้นมา อย่ารอปาฏิหาริย์ แต่จงสร้างมันขึ้นมา อย่าหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีกว่า แต่จงดึงดูดมันเข้ามา คุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อใช้ชีวิตแบบธรรมดาทั่วไป คุณมาที่นี่เพื่อเปล่งประกาย เพื่อผงาดขึ้น และเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ

ดังนั้น หากคุณยังไม่ได้เริ่มใหม่ออกไปและใช้ ‘The Secret’ อย่างด่วนเลั เพราะชีวิตในฝันของคุณไม่ใช่แค่เป็นไปได้ แต่มันเป็นของคุณอยู่แล้ว… แค่เชื่อและรับมันมา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *